นายอภิชาติ จีระพันธุ์ ที่ปรึกษารมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยภายหลังการประชุมแนวทางรักษาความปลอดภัยการท่องเที่ยวทางถ้ำและทางน้ำ ว่า นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมลงพื้นที่หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และกองทัพเรือภาคที่ 3 เพื่อออกมาตรการเร่งด่วนเฉพาะหน้าป้องกันปัญหาอุบัติเหตุเรือล่มไม่ให้เกิดขึ้นอีก เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงมรสุม โดยการให้กรมเจ้าท่าปักธงแสดงสัญลักษณ์ว่าสามารถออกเรือได้หรือไม่ ซึ่งหากเป็นธงแดงห้ามออกเรือโดยเด็ดขาด ซึ่งเป็นมาตรการที่ต้องให้เจ้าของเรือให้ความร่วมมือด้วย เพราะขณะนี้ ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมตรงนี้โดยตรง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา เวลากรมอุตุนิยมวิทยามีพยากรณ์อากาศเกี่ยวกับคลื่นลมมรสุมออกมา การออกเรือจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของกัปตันเรือ ขณะที่กรมเจ้าท่ามีอำนาจแค่เตือน แต่ไปห้ามไม่ได้ อีกทั้งก่อนการขึ้นเรือต้องมีการอบรมให้ผู้โดยสารรับทราบถึงการดูแลความปลอดภัยของตัวเองทุกครั้งเหมือนกับที่มีตอนขึ้นเครื่องบิน ขณะที่เสื้อชูชีพที่ใช้บนเรือต้องมีมาตรฐาน ไม่ใช่เป็นแค่เสื้อพยุงตัว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย ลูกเรือและกัปตันต้องสามารถช่วยเหลือผู้โดยสารเวลาเกิดเหตุฉุกเฉินได้
สำหรับมาตรการป้องกันอุบัติเหตุจากการท่องเที่ยวในถ้ำ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีมาตรการป้องกัน และให้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจเกี่ยวภูมิศาสตร์ของสถานที่ท่องเที่ยวนั้น และจัดทำแผนที่อย่างละเอียด เพื่อเวลาเกิดเหตุจะได้มีข้อมูล เพราะจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลอะไรเลย ทำให้ต้องไปใช้แผนที่ที่ชาวต่างประเทศจัดทำไว้ รวมทั้งมีการจัดระเบียบการเข้าออก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหมือนกรณีถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน
ในระยะยาวได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ไปดูว่ามีมาตรการดูแลเพียงพอหรือไม่ และเห็นตรงกันว่า การท่องเที่ยวในสถานที่บางแห่ง จำเป็นต้องมีการควบคุม เพราะบางแห่งไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวด้วยตัวเองได้ จำเป็นต้องติดต่อเจ้าที่นำทาง และหากเกิดเหตุฉุกเฉินจะมีแผนช่วยเหลืออะไรบ้าง โดยให้กลับมานำเสนอแผนดังกล่าวใหม่ภายใน 30 วัน และทางกระทรวงท่องเที่ยวจะสรุปหลักคิดออกมาให้ได้
อย่างไรก็ตาม ในที่ประชุมมีตัวแทนกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชระบุว่า ถ้าเป็นอุทยานแห่งชาติ จะมีข้อบังคับการเข้าออกของนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่ถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน เป็นวนอุทยานแห่งชาติเล็กๆ มีเจ้าหน้าที่น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ดูแลความสะอาดและบริการนักท่องเที่ยว ไม่มีงบดูแลด้านความปลอดภัย เหตุที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ แต่จะปรับให้มีมาตรฐานมากขึ้น และจะใช้ “ถ้ำหลวงโมเดล” เป็นมาตรฐานในการจัดการดูแลถ้ำที่รับผิดชอบทั้งหมด รวมทั้งให้มีการสำรวจถ้ำที่อยู่ในวัดด้วย
