ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางซื่อ มีหนังสือรายงานไปยังสภ.บางกรวย แจ้งความคืบหน้า กรณีสภ.บางกรวยทำหนังสือลงวันที่ 28 มิ.ย.2561 ขอความร่วมมือให้ส่งหมายเรียกผู้ต้องหาไปยังกรรมการบริษัท เงินติดล้อ จำกัด และพนักงานสาขารวม 7 ราย ตั้งอยู่ในอาคารอารีย์ ฮิลล์ เขตสอบสวนของ สน.บางซื่อ โดยระบุว่าจัดส่งหมายเรียกดังกล่าวไปยังบริษัทเรียบร้อยแล้ว โดยมีฝ่ายกฎหมายของบริษัทเป็นผู้รับ เพื่อให้มารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนสภ.บางกรวย ในวันที่ 20 ก.ค.นี้

จากการตรวจสอบที่มาของการออกหมายดังกล่าว พบว่าเมื่อกลางเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ลูกหนี้สินเชื่อของบริษัท เงินติดล้อ จำกัด ส่งทนายความเข้าร้องทุกข์ต่อเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.บางกรวย เพื่อให้ดำเนินคดีกับบริษัทฐานคิดดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยระบุพฤติกรรมว่า นอกจากกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงถึงร้อยละ 2.5% ต่อเดือน ซึ่งสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดร้อยละ 15 ต่อปีแล้ว บริษัทยังให้ลูกหนี้นำสมุดทะเบียนรถจักรยานยนต์มามอบไว้กับบริษัท พร้อมลงลายมือชื่อโอนลอยไว้ด้วย

ในบันทึกแจ้งความเอาผิดกับบริษัทระบุว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทเงินติดล้อไม่ได้เป็นสถาบันการเงินตาม พรบ.สถาบันการเงิน พ.ศ.2551ที่จะสามารถคิดดอกเบี้ยได้เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด แต่เป็นบริษัทที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับอันเป็นสินเชื่อที่ไม่มีทรัพย์เป็นหลักประกัน ซึ่งสามารถจะเรียกดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการหรือค่าธรรมเนียมใดๆ รวมกันไม่เกินร้อยละ 28 ต่อปี

และแม้บริษัทจะได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อรายย่อยเพื่อการประกอบอาชีพภายใต้การกำกับ(นาโนไฟแนนซ์) โดยสามารถปล่อยกู้ให้ลูกหนี้รายย่อยได้ไม่เกินรายละ 100,000 บาท และสามารถเรียกดอกเบี้ยค่าบริการต่างๆ รวมกันแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 36 ต่อปี แต่สินเชื่อดังกล่าว ไม่รวมถึงสินเชื่อที่เกิดจากการให้สินเชื่อจำนำรถจักรยานยนต์

ดังนั้นการที่บริษัทดำเนินการปล่อยเงินกู้ยืมเงินให้แก่ลูกหนี้ โดยเรียกทรัพย์ค้ำประกันด้วย จึงไม่เข้าเกณฑ์สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับตามประกาศธนาคารแห่ประเทศไทย แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมายแพ่งและพาณิชย์(ปพพ.) ประกอบพระราชบัญญัติห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราพ.ศ.2560 ที่ห้ามมิให้เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดคือร้อยละ 15 ต่อปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน