นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ไทยเห็นความสำคัญของการเติบโตของนักท่องเที่ยวมุสลิม จึงเร่งยกลำดับความสำคัญ พร้อมตั้งเป้าหมายว่าจะต้องขยับขึ้นเป็นที่ 1 ของประเทศที่ไม่ใช่มุสลิมที่มีตลาดมุสลิมไปเยือนสูงสุดให้ได้ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวมุสลิมเดินทางทั่วโลกเติบโตขึ้นสูงมาก จากจำนวน 121 ล้านคนในปี 2559 และคาดการณ์ว่าปี 2563 จะเพิ่มขึ้นถึง 156 ล้านคน เช่นเดียวกับมูลค่าตลาดที่ปัจจุบันอยู่ที่ 6.9 ล้านล้านบาท แต่ภายในปี 2569 คาดว่าจะเพิ่มมูลค่าขึ้นไปถึง 9.5 ล้านล้านบาท

ดังนั้นการท่องเที่ยวต้องมียุทธศาสตร์รองรับมุสลิมอย่างรูปธรรม 13 เรื่อง ครอบคลุมทั้งเรื่องการนำเสนอสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิมโดยเฉพาะ รวมทั้งมีแนวทางปฏิบัติ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน นำไปใช้เป็นกรอบทิศทางและยุทธศาสตร์ในการพัฒนาการท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม ส่งผลให้เกิดช่องทางในการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว และเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้เกิดการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่อไป

กลยุทธ์ทั้ง 13 เรื่องอยู่ภายใต้การผลักดัน 4 หัวข้อหลัก เริ่มจาก “การยกระดับความสะดวกที่เป็นมิตร” ด้วยการพัฒนาร้านอาหารฮาลาลและร้านอาหารไทยฮาลาล, พัฒนาที่พักให้เพียงพอ และส่งเสริมสิ่งอำนวยความสะดวกในการการปฏิบัติศาสนกิจ โดยบูรณาการทำงานร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า, สถาบันมาตรฐานฮาลาลแห่งประเทศไทย, กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

ต่อมาคือ “ส่งเสริมกลไกขับเคลื่อนการท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม” ด้วยการจัดตั้งคณะอนุกรรมการท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม, ส่งเสริมการลงทุนและมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน เช่น จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการการท่องเที่ยวมุสลิม หรือทำโครงการสนับสนุนให้คำปรึกษาธุรกิจฮาลาลให้เติบโตช่วยรองรับตลาด, การเตรียมความพร้อมความสามารถของบุคลากรที่เชี่ยวชาญเฉพาะตลาดนี้ และพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศขึ้นมาเพื่อตอบสนองกลุ่มมุสลิมโดยเฉพาะ

นอกจากนั้นมุ่ง “เสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม” ทั้งการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่เกี่ยวโยงความสนใจ เช่น เชื่อมประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมมุสลิมได้, การเชื่อมโยงการท่องเที่ยวมุสลิมกับบริการที่ไทยเข้มแข็งอยู่แล้ว เช่น การท่องเที่ยวเชิงแพทย์ และกระตุ้นเที่ยวบิน ช่วยเปิดเส้นทางจากประเทศที่มีชาวมุสลิมอยู่มาก หรือเพิ่มช่องทางพิเศษตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะต้องอาศัยความร่วมมือจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ด้วย

และสุดท้าย “ส่งเสริมตลาดและประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม” จะต้องเน้นเชิงรุกมากขึ้น เช่น พัฒนาคีย์เวิร์ดให้แหล่งท่องเที่ยวไทยติดอันดับเมื่อนักท่องเที่ยวมุสลิมใช้เสิร์ชเอ็นจิ้นค้นหา, การประชาสัมพันธ์การรับรู้ไทยในฐานะ “ฮาลาลประเทศไทยที่หนึ่งในโลก” (Thailand Diamond Halal to the world), เพิ่มป้ายสัญลักษณ์ภาษาอาหาหรับตามจุดขนส่งมวลชน และทำโครงการรับมือกับข่าวร้ายด้านความมั่นคง

นอกจากนั้น ต้องเพิ่มการทำตลาดในประเทศที่มีกลุ่มมุสลิมอยู่มากแต่ยังเข้าไม่ถึง เช่น แอฟริกาเหนือ ซึ่งมีฐานตลาดขนาดใหญ่เช่นกัน วิธีที่ทำได้คือ การทำโครงการผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์, ผลักดันการสร้างคลิปวิดีโอนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวที่แสดงออกถึงความเป็นมิตรต่อกลุ่มมุสลิม และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม และจัดแฟมทริปร่วมกับบริษัทนำเที่ยว ดึงบุคคลที่มีอิทธิพลทางสังคมทางออนไลน์ในประเทศมุสลิมมาเยือนไทย ทำให้เกิดความต้องการมาไทยเพิ่มขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน