หอการค้าระบุสัญญาณการเมืองชัด ส่งผลความเชื่อมั่นเดือนส.ค.ดีสุดรอบ 8 เดือน ดึงภาคบริการและความมั่นใจเอกชนเพิ่ม จับตาทุนมะกันแห่เข้าไทย

ส.ค.ความเชื่อมั่นพุ่ง – นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือนส.ค. 2561 จากสำรวจภาคธุรกิจทั่วประเทศ 378 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25 ส.ค. – 5 ก.ย. 2561 พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยทุกภาคดีขึ้น โดยดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปัจจุบัน อยู่ที่ 47.8 และดัชนีความเชื่อมั่นฯในอนาคต อยู่ที่ 51.9 ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นฯ โดยรวม อยู่ที่ 49.8 ซึ่งเป็นดัชนีสูงสุดนับจากทำการสำรวจมา 8 เดือน

โดยปัจจัยบวกส่งต่อความเชื่อมั่นดีขึ้น คือ การปรับคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ที่ 4.6% การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ราคาพืชผลเกษตรปรับตัวขึ้นในบางพื้นที่ การท่องเที่ยวและการส่งออกขยายตัวดีต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนภาครัฐ และส่งเสริมภาคเกษตรของรัฐ ทำให้การบริโภคขยับตัวดีขึ้น

ขณะที่ปัจจัยลบต่อความเชื่อมั่นฯ คือ ผลกระทบจากน้ำท่วมภาคอีสานและภาคกลาง การขยายเศรษฐกิจยังกระจุกตัวในเขตเมือง เกษตรกรขาดแคลนปัจจัยบำรุงพืชเกษตร ปัญหาสิ่งแวดล้อมและความไม่เชื่อมั่นในความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว รวมถึงการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันในประเทศ

นอกจากนี้ หอการค้ายังได้สำรวจธุรกิจภาคบริการ ซึ่งเป็นสัดส่วน 50% ของจีดีพี จากธุรกิจ 657 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นการสอบถามถึงยอดให้บริการของธุรกิจ ยอดสั่งซื้อ/จองบริการ การจ้างแรงงาน ค่าตอบแทน การลงทุน และการขอสินเชื่อของกิจการ พบว่า ธุรกิจส่วนใหญ่ยังมีมุมมองไม่เปลี่ยนแปลง แต่มุมมองต่อยอดให้บริการและค่าตอบแทนเพิ่มขึ้น ยกเว้นการขอสินเชื่อธุรกิจยังมีอุปสรรค จึงทำให้ค่าดัชนีภาคบริการดีขึ้น อยู่ที่ 52.6 และสูงสุดรอบ 4 เดือนนับจากที่ได้ทำสำรวจ

ทั้งนี้ ปัจจัยบวกต่อการดำเนินกิจการ คือ การยกเว้นค่าธรรมเนียมธนาคารพาณิชย์การทำธุรกรรม ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอ็มเอ็มอีแบงก์) มีมาตรการพักชำระหนี้ที่ประสบภัย คงภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) ที่ 7% นโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวเมืองรอง การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรัฐบาล และเดือนส.ค. จำนวนวันหยุดมากดีต่อการท่องเที่ยวและใช้จ่ายเพิ่ม ขณะที่ปัจจัยลบต่อกิจการ คือ การแข่งขันภาคธุรกิจรุนแรงมากขึ้น ผู้ประกอบการมองว่าเศรษฐกิจในประเทศยังไม่น่าพอใจและกระจายไม่ทั่วถึง การขึ้นราคาน้ำมันกระทบต่อการขนส่ง ราคาวัตถุดิบที่ยังคงเพิ่มขึ้น และสถานการณ์ทางการเมือง

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวว่า แนวโน้มดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าจากเดือนก.ย. จะดีขึ้น หลังจากโรดแม็ปการเลือกตั้งชัดเจนขึ้น และสถานการณ์เศรษฐกิจท้องถิ่นมีแนวโน้มดีขึ้น รวมถึงนักลงทุนต่างชาติส่งสัญญาณเข้าลงทุนในไทยมากขึ้น ทั้งจากจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ซึ่งล่าสุดภาคเอกชนสหรัฐฯ จะนำคณะนักลงทุนและผู้บริหารระดับสูง มาเยือนประเทศไทย และจัดสัมมนาเรื่องเพิ่มโอกาสการค้าและลงทุนในไทย รวมถึงลงนามร่วมกับนักธุรกิจไทย ในวันที่ 24 ก.ย. ที่โรงแรมดุสิตธานี คาดมีนักธุรกิจสหรัฐฯ และไทยร่วมงาน 300-400 ราย และในวันที่ 25 ก.ย. นักลงทุนสหรัฐฯประมาณ 50 รายจะเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล

“จากการประกาศเลือกตั้ง สะท้อนว่าไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย และประเทศไทย จะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า ทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น และจะยิ่งเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในภาพรวม ซึ่งขณะนี้ภาคเอกชน 3 ฝ่ายหรือ กกร. กำลังทบทวนตัวเลขและเพิ่มประกาศตัวเลขเศรษฐกิจปีนี้ใหม่จากเดิมตั้งไว้ 4.5%”นายกลินท์ กล่าว

นายกลินท์ กล่าวถึงผลกระทบกรณีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนรอบใหม่ ที่จะมีการปรับเพิ่มภาษีนำเข้ารอบใหม่ในเดือนก.ย.นี้ ว่า เบื้องต้นเห็นว่าจะไม่กระทบต่อส่งออกของไทย ตรงกันข้ามมองว่าจะเป็นผลดีต่อการส่งออกของไทยและการลงทุนเพิ่มในอนาคตจากการย้ายฐานการผลิตของสหรัฐและจีนมาไทย เพื่อส่งออกต่อไป ซึ่งดูจากการส่งออกในช่วงที่ผ่านมาหลังสหรัฐและจีนปรับเพิ่มภาษีนำเข้าระหว่างกัน ก็พบว่าการส่งออกไทยยังสูงขึ้น และน่าจะได้อานิสงส์ต่อการไทยมากกว่าผลเสีย

นางเสาวณีย์ กล่าวว่า ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าสงครามการค้าที่กำลังจะปะทุขึ้นรอบใหม่จะไม่กระทบการส่งออกของไทย ในทางตรงกันข้ามจะยิ่งเป็นโอกาสของไทยเพราะจะทำให้มีการนำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน