คลังทำบิ๊กดาต้าเข้มภาษีศุลกากร-สรรพากร ข้อมูลจะเชื่อมถึงกันหมด ช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการเสียภาษี เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บใครที่เสียภาษีไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ยังกลับตัวได้ทัน

คลังทำบิ๊กดาต้าภาษี – นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการรับและการนำส่งข้อมูลที่เกี่ยวกับผู้เสียภาษีอากรที่เป็นผู้นำของเข้าหรือผู้ส่งของออกหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากร ตามกฎหมายศุลกากร และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการศุลกากร ระหว่างกรมสรรพากร และกรมศุลกากร ว่า กระทรวงการคลังกำลังทำบิ๊กดาต้า (BIG DATA) ภาครัฐ เชื่อมโยงข้อมูลหน่วยงานจัดเก็บภาษีทั้งกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร โดยให้กรมสรรพากรเป็นศูนย์กลางในการรวบรวมข้อมูลผู้เสียภาษีทั้งหมด และยังจะเชื่อมโยงข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง อย่างกรมบัญชีกลางและกรมธนารักษ์ เป้าหมายดำเนินได้ภายในปี 2562

“ในปี 2562 จะมีการทำบิ๊กดาต้า ข้อมูลจะเชื่อมถึงกันหมด ช่วยให้เกิดความเป็นธรรมในการเสียภาษี เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บใครที่เสียภาษีไม่ตรงกับความเป็นจริงก็ยังกลับตัวได้ทัน ซึ่งในส่วนของธุรกรรมนำเข้าจะมีประมาณ 2 หมื่นตู้ต่อวัน”นายประสงค์ กล่าว

นายกุลิศ สมบัติศิริ อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า การทำข้อตกลงครั้งนี้ระหว่าง 2 กรมภาษี ถือเป็นก้าวแรกของการเชื่อมโยงข้อมูลภาษีที่มีประสิทธิภาพที่สุด เพื่อแยกผู้ประกอบการที่ดี และผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยงในการเลี่ยงการเสียภาษีออกจากกัน เช่นกรณีที่ผู้นำเข้าสินค้าที่มีข้อมูลที่น่าสงสัย ทางกรมศุลกากรสามารถขอข้อมูลจากกรมสรรพากรได้ว่าผู้ประกอบการรายนั้นมีการเสียภาษีนิติบุคคลถูกต้องและครบถ้วนหรือไม่ หากพบว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยง ก็จะมีมาตรการในการตักเตือน

ในระยะต่อไปกรมศุลกากร อยู่ระหว่างการแก้ระเบียบเพื่อให้มีบทลงโทษผู้ส่งออก นำเข้าที่ทุจริตไม่ใช่ได้รับโทษแค่ เสียค่าปรับแล้วอีก 2-3 เดือนก็มานำเข้า ส่งออกได้ใหม่อีกต่อไป รวมทั้งยังเตรียมเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมสรรพสามิต และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ให้การตรวจสอบผู้ประกอบการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด ทั้งนี้ปัจจุบัน กรมศุลกากร เป็นหน้าด่านในการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทั้งหมด แต่มีภาษีที่เป็นของกรมศุลกากรเพียง 19% ที่เหลืออีก 81% เป็นการเก็บภาษีให้หน่วยงานอื่น ซึ่งในจำนวนนี้เป็นการเก็บภาษีให้กรมสรรพากรมากกว่า 60%

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวว่า ในการเชื่อมโยงข้อมูล จะทำได้หลายระดับซึ่งปัจจุบัน กรมศุลกากรกับกรมสรรพากรสามารถดูข้อมูลที่เป็นข้อมูลพื้นฐานร่วมกันแบบเรียลไทม์ได้อยู่แล้ว แต่การลงนามครั้งนี้จะนำไปสู่การเข้าถึงข้อมูลในเชิงลึกได้มากขึ้น สามารถเช็กข้อมูลการโกงภาษีมูลค่าเพิ่มได้ หรือมีการแจ้งการส่งออกต่ำกว่าที่ควรจะเป็น หรือมีการปิดบริษัท แจ้งชำระบัญชีไปแล้วหรือไม่

สำหรับการทำบิ๊กดาต้า หัวใจคือการทำให้ผู้ประกอบการ และประชาชนที่เกี่ยวข้องได้รับความสะดวกและเป็นธรรมสามารถแยกผู้ประกอบการที่ดี ให้ได้รับความสะดวก และแยกผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยง ซึ่งจะต้องถูกตรวจสอบต่อไป ซึ่งการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์จะช่วยลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความโปร่งใสเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน