กกร.ปรับประมาณการขยายตัวทางเศรษฐกิจ เป็น 4.4-4.8% จากเดิมคาดโต 4.3-4.8% ส่งออกคาดโต 8-10% กังวลสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนกระทบศก. พร้อมประสานเสียงอยากได้รัฐบาลใหม่โปร่งใส

ขยับจีดีพีปีนี้โต 4.4-4.8% – นายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า กกร. ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีหลังปี 2561 ยังมีแนวโน้มขยายตัวทั้งการส่งออก การลงทุนทั้งรัฐและเอกชนแต่ไม่สูงเท่าครึ่งปีแรก จึงปรับประมาณการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีในปี 2561 กรอบล่างเพิ่มขึ้นจากเดิมจะขยายตัว 4.3-4.8% เป็นขยายตัว 4.4-4.8% การส่งออกจากเดิมโต 7-10% เป็นโต 8-10% เงินเฟ้อคงเดิมที่ 0.9-1.5%

“เรามองว่าการส่งออกช่วงที่เหลือของปีน่าจะได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ การท่องเที่ยวที่ยังมีการเติบโตแม้จะชะลอลงไปเล็กน้อย ขณะที่การบริโภคและการลงทุนเอกชนที่ฟื้นตัวจึงทำให้มีการปรับกรอบล่างที่โตขึ้น แต่ปัจจัยที่ต้องติดตามช่วงถัดไปที่สำคัญคือ ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่จะรุนแรงขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะกระทบต่อไทยทั้งทางตรงและทางอ้อมมากขึ้นในช่วงปี 2562 โดยเบื้องต้นประเมินว่าอาจจะกระทบต่อการส่งออกประมาณ 0.6-0.8% ของจีดีพี” นายกลินท์กล่าว

ทั้งนี้ จากการพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการของกกร. ในการเลือกตั้งของไทยที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นเชื่อว่าจะส่งผลต่อบรรยากาศโดยรวมที่ดีขึ้นและสิ่งที่กกร. ต้องการเห็นรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศควรจะมีการบริหารงานที่โปร่งใส สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าได้ สนับสนุนด้านกฏระเบียบต่างๆ ที่จะทำให้การลงทุนของเอกชนได้รับความสะดวกมากขึ้น และที่สำคัญอยากเห็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นมากขึ้นโดยไม่กระจุกตัวเฉพาะเมืองใหญ่

อย่างไรก็ตาม หลายมาตรการรัฐขณะนี้เป็นเรื่องที่ดี อยากให้รัฐบาลชุดต่อไปสานต่อ เช่น เมืองรองที่จะช่วยกระจายรายได้ การปราบปรามคอร์รัปชั่นซึ่งรัฐบาลนี้ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเพราะจากการดำเนินงานร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนในเรื่องของข้อตกลงคุณธรรมก็พบว่ามีการจัดซื้อจัดจ้าง 40 โครงการวงเงิน 2.1 แสนล้านบาทประหยัดงบประมาณได้ถึง 7.1 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนถึงกว่า 30% ถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกันในการจัดซื้อจัดจ้างเกิดความโปร่งใสเราก็อยากเห็นรัฐบาลใหม่เป็นไปในแนวทางดังกล่าว

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า กกร. ได้หารือถึงการจัดทำบัญชีชุดเดียวให้กับธุรกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ซึ่งสนับสนุนสภาวิชาชีพในการจัดทำแอพลิเคชั่นสำหรับเอสเอ็มอีที่มียอดขายไม่เกิน 30 ล้านบาท ให้นำไปใช้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในต้นปีหน้าโดยจะมีการจัดสัมมนาเพื่อสร้างความเข้าใจในวันที่ 1 พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตามสิ่งที่เอกชนกังวลและได้หารือในกกร. คือระดับราคาน้ำมันที่เริ่มสูงขึ้นต่อเนื่องจากกรณีที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรอิหร่าน และหากภาครัฐต้องการตรึงราคาน้ำมันให้เหมาะสมก็ควรจะพิจารณาการใช้เงินกองทุนน้ำมันอย่างรอบคอบด้วย เพราะขณะนี้มีอยู่จำกัด

“การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นสิ่งที่เราอยากเห็นคือไม่เกิดความวุ่นวายเช่นอดีต และเมื่อถึงเวลาก็ต้องยอมรับกติกาที่เกิดขึ้น และรัฐบาลใหม่เราอยากเห็นความโปร่งใส มีนโยบายที่สนับสนุนให้เอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการวางแผนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ และให้เอกชนทำธุรกิจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงกฎหมายให้มีประสิทธิภาพ”นายสุพันธุ์กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน