ส.การค้าลงทุนเอเซียน-สากล ชี้สงครามการค้าสหรัฐกระทบจีน เบนเข็มดึงไทย-อาเซียนลงทุนเพิ่ม แนะธุรกิจนวด ร้านอาหาร มวยไทย และสินค้าเกษตร มาแรง

จีนเบนเข็มดึงไทยลงทุน – นายอู๋ จื้อ อี้ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมการค้าและการลงทุนเอเซียน-สากล หรือ เอซีไออีซี เปิดเผยว่า สถานการณ์สงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ ในขณะนี้ส่งผลกระทบกับจีน แต่ยังไม่รุนแรงมากนักต่อเศรษฐกิจของจีน เพราะฐานเศรษฐกิจที่ค่อนข้างดี มีความมั่นคงและศักยภาพในการเติบโต อย่างไรก็ดี จีนยังคงส่งเสริมการเปิดและการปฏิรูปในประเทศเพื่อลดแรงกดดันจากสงครามการค้า ทั้งการลดภาษีและลดค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ประกอบการ, เร่งรัดการใช้นโยบายการขยายการเข้าถึงตลาด และปกป้องระบบการค้าตลาดจีน หรือพหุภาคีตามกฎ

นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ โดยลดขั้นตอนต่างๆ ให้ง่ายขึ้น เพื่อดึงนักลงทุนต่างชาติเน้นไทยและกลุ่มประเทศในอาเซียนให้เข้ามาลงทุนในจีนมากขึ้น ซึ่งตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค. 2561 ยอดการค้าจีนและอาเซียนเพิ่มขึ้น 18.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีแนวโน้มจะเพิ่มในระดับนี้ไปจนถึงสิ้นปีนี้ จากตัวเลขยอดการค้าการลงทุนของประเทศอาเซียนและจีนปีที่แล้วประมาณ 5,147.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เฉพาะในไทยอยู่ที่ 741.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น และเมื่อมีการลดขั้นตอนเพื่อจะดึงนักลงทุนเข้าไปลงทุนแล้ว น่าจะทำให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

สำหรับโอกาสของธุรกิจไทยที่จะเข้าไปลงทุน มองว่าธุรกิจบริการ อย่าง นวดไทย ร้านอาหาร และมวยไทย รวมถึงธุรกิจสินค้าเกษตร กำลังได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของตลาดจีน ซึ่งในวันที่ 16-17 พ.ย.นี้ ทางสมาคมฯ จะจัดงานมหกรรมสินค้าจีนมาตรฐานส่งออก ครั้งที่ 8 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เพื่อส่งเสริมการค้าไทยและจีน โดยผู้ประกอบการจีนจาก 10 มณฑล มาออกบูธแสดงสินค้า ซึ่งประเมินว่าจะนักธุรกิจไทย-จีนและผู้สนใจทั่วไปเข้าร่วมงานประมาณ 10,000 คน มีเงินสะพัดจากการจัดงานและการจับคู่ธุรกิจประมาณ 500 ล้านบาท

“ขณะนี้จีนกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจปรับลดลงต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 การเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) อยู่ที่ 6.5% ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้ที่เติบโต 6.7% และคาดการณ์ว่าปี 2562 จะอยู่ที่ 6% แม้ว่าจะเป็นตัวเลขที่น่าพอใจเมื่อเทียบกับจีดีพีโลก ดังนั้นการให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจและการค้าจีน-อาเซียน เป็นแนวทางความร่วมมือเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศให้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งการดึงนักลงทุนอาเซียนมาลงทุนในจีน และการส่งเสริมให้นักธุรกิจจีนไปลงทุนการค้าในกลุ่มอาเซียน ซึ่งกลุ่มธุรกิจที่ยังเติบโตดีทำให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มอีคอมเมิร์ซ พลังงาน และกลุ่มเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ)”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน