นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าปี 2560 บริษัทเชื่อมั่นว่าการเมืองไทยจะสงบ การลงทุนของรัฐบาลจะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้เติบโตผ่านการขยายการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ และกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านธุรกิจขนาดกลางและเล็ก หรือเอสเอ็มอีและรากหญ้า ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวโดยภาพรวมยังเป็นบวกต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนภาวะดอกเบี้ยแม้แนวโน้มจะปรับขึ้นเล็กน้อยแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ และตัวเลขการส่งออกที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย หนี้ครัวเรือนที่ลดลงจากหนี้โครงการรถยนต์คันแรกที่เริ่มทยอยกมดลงตั้งแต่เดือนก.ย. 2559

เมื่อประเมินสภาพแวดล้อมแล้ว กลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของบริษัทที่เน้นยืดหยุ่นให้เข้ากับสถานการณ์ ประกอบกับศักยภาพของทีมงานและการบริหารเงินทุนโดยให้อัตราหนี้สินต่อทุนต่ำกว่าตลาด ทำให้บริษัทเชื่อมั่นว่าปีนี้จะมีรายได้ 3,100 ล้านบาท เติบโต 15% จากปี 2559 ที่คาดว่าจะมีรายได้ 2,700 ล้านบาท ส่วนยอดขายเติบโตจาก 3,500 ล้านบาทในปีที่แล้ว เป็น 3,600 ล้านบาทในปีนี้ ภายใต้แผนเปิดตัวโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวม 4,000 ล้านบาท โดย 70% อยู่ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และอีก 30% ในต่างจังหวัด

ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ฯ กล่าวว่าแผนการเปิดตัวโครงการในปีนี้ จะยังเน้นพื้นที่ที่มีศักยภาพ ในหลายทำเลครอบคลุมหลายกลุ่มเป้าหมาย แต่ยังคงเป็นทำเลที่ต่อเนื่องจากแผนการพัฒนาโครงการคมนาคมภาครัฐไม่ว่าจะเป็นโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ ทางด่วนมอเตอร์เวย์และการเร่งเปิดระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ในจังหวัดระยอง ชลบุรีและฉะเชิงเทรา โดยจะมี “ลลิล ทาวน์” ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ และทาวน์โฮมหน้ากว้าง ที่บริษัทประสบความสำเร็จจากปี 2559 มาใช้ในการรุกตลาดต่อเนื่องในปีนี้ โดยมีตั้งบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ซีรี่ย์ใหม่ พื้นที่ใช้สอย 140-175 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 2-5 ล้านบาท และ ทาวน์โฮม พื้นที่ใช้สอย 85-105 ตร.ม.ราคาเริ่มต้น 1-2 ล้านบาท

“อีกเรื่องที่บริษัทเน้นในปีนี้คือ คุณภาพของสินค้าและบริการเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ของลูกค้าอย่างมีคุณภาพ ซึ่งนอกจากบริษัทจะว่าจ้าง บริษัท เคทีจีวาย อินเตอร์ แอสโซซิเอทส์ จำกัด มาเป็นสถาปนิกออกแบบผังโครงการเพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของลูกค้าแล้ว บริษัทยังทำงานใกล้บชิดกับธนาคารเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถกู้เงินเพิ่มมากขึ้น และช่วยอนุบาลลูกค้าที่ยื่นกู้กับธนาคารไม่ผ่านเพื่อสร้างประวัติการผ่อนดาวน์ 3-6 เดือน สำหรับอ้างอิงในการขอกู้กับธนาคารได้”นายชูรัชฏ์ กล่าว

ทั้งนี้นายไชยยันต์ กล่าวตอนท้ายถึงรัฐบาลผ่านกระทรวงการคลัง ที่ขณะนี้มีแผนจะนำมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์กลับมาใช้อีกครั้ง มองว่าเป็นผลดีต่อตลาด แต่ถ้ารัฐบาลต้องการให้เศรษฐกิจเดินได้ ควรให้ธนาคารของรัฐนำร่องผ่อนคลายเกณฑ์การติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโรจาก 3 ปี เหลือเป็น 1 ปี น่าจะเหมาะสมเพื่อปลดล็อคผู้ติดแบล็กลิสต์ให้สามารถกลับมากู้ยืมเงินได้อีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน