สศอ. เร่งปั๊มแผนแม่บทอุตฯยานยนต์ไทย 5 ปี ไม่ให้ตกเทรนด์เหมือนอุตสาหกรรมโทรทัศน์ที่ปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีจอภาพแบบใหม่ จนทำให้อุตฯ นี้หายไปจากไทย
ปั๊มแผนแม่บทอุตฯยานยนต์ – นายณัฐพล รังสิตพล ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับสถาบันยานยนต์ จัดทำแผนแม่บทเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ระยะ 5 ปี (พ.ศ.2562-2566) เตรียมนำเสนอหน่วยงานรัฐนำไปใช้ประกอบการวางแผนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ต่อไป คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 2/2562 เพื่อเป็นแนวทางกำหนดทิศทางเทคโนโลยีอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต
“เราจะทำอย่างไรให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไม่ตกเทรนด์เหมือนกับอุตสาหกรรมโทรทัศน์ ที่ปรับตัวไม่ทันกับเทคโนโลยีจอภาพแบบใหม่ จนทำให้อุตสาหกรรมนี้หายไปจากไทยและไปเติบโตในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลต่อจีดีพีของประเทศถึง 5% ดังนั้นจึงต้องพัฒนาอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง รองรับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา”นายณัฐพล กล่าว
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายดึงดูดเทคโนโลยีอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตเข้ามาในไทย ตามนโยบายส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่มีมาตรการดึงดูดอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสูงมาก รวมทั้งยังมีศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ที่พร้อมเปิดให้บริการครบวงจรในปี 2564 ส่งเสริมให้เกิดการวิจัยพัฒนาผลิตชิ้นส่วน ช่วยลดต้นทุนการผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ ได้อีกมาก
นายณัฐพล กล่าวว่า ที่สำคัญต้องไทยต้องปรับตัวและรักษาเสถียรภาพของอุตสาหกรรมหลักของประเทศในภาวะที่เศรษฐกิจโลกผันผวนมาก ไม่มีความมั่นคงโดยอุตสาหกรรมรถยนต์ในยุโรปช่วง 6 เดือนแรกของปี 2561 ลดลงกว่า 10% และยอดขายรถยนต์ของจีนลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกันตั้งแต่เดือนส.ค.2561 จากที่ขยายตัวมาโดยตลอด 30 ปี ประกอบกับภาวะการแข่งขันทางการค้าโลกรุนแรงขึ้น หลายประเทศออกมาตรการปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศของตัวเอง โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เวียดนาม ออกมาตรการกีดกันการนำเข้ารถยนต์จากไทย ส่งผลกระทบยอดส่งออกรถยนต์ไปเวียดนามในช่วง 9 เดือนของปีนี้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 27% และมาเลเซีย เริ่มนำมาตรการกำหนดโควตาการนำเข้ารถยนต์จากอาเซียน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม มาตรการกีดกันการค้าไม่เพียงแต่จะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ ล่าสุดประเทศตุรกี ก็ออกมาตรการกีดกันเครื่องปรับอากาศจากไทย เพื่อดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมนี้เข้าประเทศ เป็นฐานการส่งออกเครื่องปรับอากาศไปยุโรป ซึ่งมาตรการกีดกันการค้าเหล่านี้จะถูกนำมาใช้มากขึ้นเรื่อยๆ
