เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางมากระทรวงพาณิชย์เพื่อติดตามการทำงาน พร้อมสั่งการให้ผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือ Local Economy โดยนายสมคิด กล่าวภายหลังการประชุมร่วมกับนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ น.ส.วิบูลลักษณ์ ร่วมรักษ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งได้ประชุมทางไกลกับพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ ว่า ให้พาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศติดตามดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าและบริการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่ประสบภัยน้ำท่วม และปัจจุบันราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มจะสูงขึ้น

โดยสั่งการให้แต่ละพื้นที่รายงานสถานการณ์ราคาสินค้าจากทั่วประเทศเข้ามาส่วนกลางผ่านห้องวอลรูมเป็นรายวันไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาเอาเปรียบผู้บริโภค หากพบต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และพาณิชย์จังหวัดจะต้องรับผิดชอบและหากมีการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องอธิบดีกรมการค้าภายในต้องรับผิดชอบ ซึ่งถือว่าเป็นตัววัดการทำงานของพาณิชย์จังหวัด

รวมทั้ง สั่งการให้ผลักดันเศรษฐกิจท้องถิ่น หรือ Local Economy ผ่านการวางแผนจัดตั้งตลาดกลางจำหน่ายสินค้าทั่วประเทศ แบ่งเป็นตลาดกลางสินค้าทั่วไป และตลาดกลางสินค้าเฉพาะอย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการจัดตั้งตลาดชุมชน ซึ่งจะลงลึกระดับหมู่บ้านโดยร่วมมือกับกองทุนหมู่บ้านและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใต้เงื่อนไขสำคัญว่าทุกตลาดที่จะเกิดขึ้นจะต้องเชื่อมโยงนักท่องเที่ยวเข้าสู่แหล่งผลิต ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะต้องระดมสมองพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศกำหนดพื้นที่ที่จะจัดตั้งตลาดกลาง 3 ประเภทคือ ตลาดกลางทั่วไป ตลาดกลางสินค้าเฉพาะ และตลาดกลางชุมชนประชารัฐ ให้เห็นเป็นรูปธรรมให้ได้ภายใน 3-6 เดือน

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในวันที่ 19 ม.ค.นี้ จะประชุมทางไกลกับพาณิชย์จังหวัดเพื่อชี้แจงนโยบายให้พาณิชย์จังหวัด ซึ่งหลักๆ คือการเน้นให้ทุกจังหวัดติดตามราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด ส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างเต็มที่ ตามนโยบายของรัฐบาล และเตรียมจะหารือผู้ผลิตสินค้ารายใหญ่ในการผลิตสินค้าที่จำเป็นในชีวิตประจำวันประมาณ 20 รายการ เช่น ยาสีฟัน สบู่ ผงซักฟอก เป็นต้น ในราคาที่ถูกกว่าแบรนด์หลัก 15-20% เพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนที่มีรายได้ต่ำ โดยสินค้าจะจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ เช่น ร้านค้าชุมชน ร้านโชว์ห่วย ตลาดนัด รวมทั้งร้านค้าธงฟ้าที่กระทรวงจัดให้มีการออกไปจำหน่ายในแต่ละพื้นที่ตามความจำเป็น ภายใต้แบรนด์สินค้าของผู้ผลิตเอง แต่ให้มีข้อความระบุที่บรรจุภัณฑ์ว่า “ธงฟ้าประชารัฐ”

“ทางรัฐบาลจะไม่เข้าไปเป็นผู้ผลิต หรือจำหน่ายเองแต่จะใช้วิธีการให้ผู้ประกอบการที่เป็นผู้ผลิตสินค้าแบรนด์ต่างๆ อยู่แล้วเป็นผู้ผลิตสินค้า เพราะมีความชำนาญมากกว่าทั้งการผลิตและหาช่องทางจำหน่าย ซึ่งเราจะไม่จำกัดช่องทางแต่ขอให้สามารถกระจายสินค้าราคาถูกไปสู่ประชาชนผู้มีรายได้ต่ำให้มากที่สุด”นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันกระทรวงก็จะเดินหน้าโครงการเพื่อลดค่าครองชีพให้กับประชาชนต่อไป ทั้งการหารือกับผู้ประกอบการ ทั้งผู้ผลิตสินค้า ผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเพื่อขอความร่วมมือในการจัดรายการลดราคาสินค้าและนำสินค้าไปร่วมจำหน่ายกับโครงการธงฟ้าราคาประหยัดและโครงการอื่นๆของกระทรวงพาณิชย์ โดยเฉพาะเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ต้องการเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูกเพื่อทดแทนเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เสียหายจากน้ำท่วม เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน