ททท.เปิดสำนักงานฟูกูโอกะ ใช้แผนเจาะกลุ่มตลาดเฉพาะ

ททท.เปิดสำนักงานฟูกูโอกะ – การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตัดสินใจเปิดสำนักงานการท่องเที่ยวฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น อีกครั้ง หลังปิดทำการมามากกว่า 2 ปี

สำนักงานฟูกูโอกะ จะดูแลการทำตลาดในพื้นที่เกาะคิวชู เกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่น ครอบคลุม 12 จังหวัด ได้แก่ ฮิโรชิมะ ยามางูจิ เอฮิเมะ โคจิ ฟูกูโอกะ ซากะ นางาซากิ คุมาโมโตะ โออิตะ มิยาซากิ คาโงชิมะ และโอกินาวะ

พบปะกับผู้บริหารในเมืองฟูกูโอกะ

ประชากรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกร แต่อัตราการถือ พาสปอร์ตมีเพียง 10% ของจำนวนประชากร ซึ่งแสดงว่า ประชากรเกาะคิวชูประมาณ 90% ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศ

นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานในพิธีเปิดที่ทำการสำนักงานฟูกูโอกะ ณ อาคาร Hakataza Nishigin, Hakata-Riverain-East-Site ชั้น 11 เมืองฟูกูโอกะ

มีนายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นายอัฐกาญจน์ วงศ์ชนะมาศ กงสุลใหญ่ ณ เมืองฟูกูโอกะ นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ททท. ร่วมในพิธี

ททท. สำนักงานฟูกูโอกะ มีบทบาทในการสนับสนุนความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวตามที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ได้ร่วมลงนามใน Letter of Intent บันทึกแสดงเจตนารมณ์ กับองค์กรส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคคิวชู Kyushu Tourism Promotion Organization เมื่อวันที่ 8 ก.พ.2561

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า การกลับเปิดสำนักงานฟูกูโอกะอีกครั้ง เพราะเห็นศักยภาพของตลาด ทั้งอัตราการถือพาสปอร์ตของชาวญี่ปุ่นในภูมิภาคคิวชูอยู่ที่ 10% จึงยังมีโอกาสเติบโต

นอกจากนี้ สายการบินต่างๆ เปิดเส้นทางใหม่เข้าพื้นที่นี้ เช่น พีชแอร์ เส้นทาง กรุงเทพฯ-โอกินาวะ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีชาวญี่ปุ่นเดินทางมาเล่นกอล์ฟในไทยจำนวนมาก

นอกจากนี้ ไทยไลอ้อนแอร์ยังเตรียมเปิดเส้นทางกรุงเทพฯ- ฟูกูโอกะ ประมาณเดือน ก.พ.2562 เข้ามาช่วยขยายการเติบโต หลังจากการบินไทยเปิดให้บริการเส้นทางนี้อยู่แล้ว

“ททท. มีสำนักงานที่ญี่ปุ่นรวม 3 แห่ง ทั้งที่โตเกียว โอซากา และฟูกูโอกะ ทั้ง 3 สำนักงานจะร่วมกันทำตลาดอย่างเข้มข้น ช่วยกันดึงนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทยในปี 2562 ให้ได้ 1.75 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีนี้ซึ่งคาดว่าจะมาเที่ยวไทยกว่า 1.63 ล้านคน และสร้างรายได้ 7.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ซึ่งคาดว่าจะปิดที่ 7 หมื่นล้านบาท ก่อนจะเดินทางสู่เป้าหมาย 2 ล้านคน ในปี 2563 สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 9 หมื่นล้านบาท”

นายยุทธศักดิ์กล่าวและว่าภาพรวมแนวทางการทำ ตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น จะเน้นดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มเดินทางครั้งแรก(First Visitor) ให้ออกมาเที่ยวนอกญี่ปุ่น เช่น ในพื้นที่สำนักงานฟูกูโอกะ

ขณะที่อีก 2 สำนักงานอย่างโตเกียวและโอซากาได้รุกโปรโมตกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 15-25 ปี ซึ่งเคยเดินทางไปต่างประเทศ แต่ยังมีมาไทยไม่ค่อยมาก ผ่านโครงการ “มาย เฟิร์สต์ ไทยแลนด์” (My First Thailand)

การเจาะนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นจะเน้นกลุ่ม เฉพาะ อาทิ กลุ่มผู้หญิงโดยเฉพาะช่วงอายุ 20-30 ปี เนื่องจากมีกำลังซื้อสูง สนใจสินค้าและบริการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ (เฮลธ์ แอนด์ เวลเนส) เพราะต้องการปรับสมดุลโครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย ซึ่งส่วนใหญ่ยังเป็นผู้ชายมากกว่า

กลุ่มความสนใจเฉพาะอย่าง ท่องเที่ยวเชิงกีฬา กลุ่มมาราธอน กอล์ฟ และดำน้ำนับเป็นอีกกลุ่มที่ ททท.ให้ความสำคัญ เพราะญี่ปุ่นมีขนาดตลาดใหญ่ มีผู้เล่นกอล์ฟ 9 ล้านคน และวิ่งมาราธอนมากถึง 20 ล้านคน

“ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณกระสุนน้อยลง จึงหันใช้นโยบาย‘ปลาใหญ่’กับ‘ปลาใหม่’ โดยปลาใหญ่คือเน้นลูกค้าเฉพาะกลุ่ม ส่วนปลาใหม่คือกลุ่มที่ไม่เคยมาเที่ยวไทยมากขึ้นเพื่อเป้าหมายปี 2020 จะมีนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเดินทางเที่ยวไทยมากขึ้นและมีรายได้มากกว่า 9 หมื่นล้านบาท”

นายยุทธศักดิ์กล่าวอีกว่า ททท.เตรียมเสนอขายอีเวนต์มาราธอน ในเส้นทางแหล่งท่องเที่ยวไทย เช่น อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย รวมไปถึงอีเวนต์กีฬารายการใหญ่อย่างโมโตจีพีในปีหน้า ซึ่งเชื่อว่าจะดึงชาวญี่ปุ่นผู้สนใจกีฬาความเร็วมาเที่ยวเมืองรองอย่าง บุรีรัมย์ได้มากขึ้นกว่าปีนี้

ส่วนสโมสรฟุตบอลใน “เจ-ลีก” ที่มีนักเตะไทยสังกัด อย่างทีมซานเฟรซเช ฮิโรชิมา ที่มี ‘ธีรศิลป์ แดงดา’เป็นหนึ่งในผู้เล่น และทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร ที่มี ‘เจ-ชนาธิป สรงกระสินธ์’ เป็นหนึ่งในผู้เล่น น่าจะมีส่วนช่วยดึงแฟนคลับญี่ปุ่นมาเที่ยวไทยได้

ทางทีมคอนซาโดเล ซัปโปโร ก็เตรียมเดินทางมาเก็บตัว ที่เชียงใหม่ เดือน ม.ค. ปีหน้า และมีแผนแข่งนัดพิเศษที่กรุงเทพฯ ด้วย

ที่น่าสนใจอีกตลาดที่มีศักยภาพคือ “School Trip” ดึงกลุ่มนักศึกษาและเยาวชนเดินทางมาทัศนศึกษาและท่องเที่ยวในไทย แม้จะอายุน้อยแต่มีศักยภาพเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพในอนาคต

ล่าสุด ททท.ร่วมกับ บริษัท เจทีบี คอปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดโครงการประกวดเส้นทางการท่องเที่ยวไทย ในกลุ่มเด็กมหาวิทยาลัย ที่ไม่เคยเดินทางไปประเทศไทย

โดยให้ร่วมคิดและออกแบบเส้นทางท่องเที่ยว ท่องเที่ยวไทย เพื่อกระตุ้นกลุ่มนักเรียน กลุ่มนักศึกษามหาวิทยาลัย ในญี่ปุ่นให้เดินทางให้กลับไปท่องเที่ยว ศึกษา วัฒนธรรมประวัติศาสตร์ หรือวิถีชีวิตของไทย ทั้งวิถีคนและวิถีการกิน เป็นต้น

ทั้งนี้ในอดีตกลุ่ม School Trip จะเป็นกลุ่มที่สนใจเดินทางท่องเที่ยวในไทยเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองอย่างรุนแรง หรือ ที่คนไทยเรียกว่าช่วงกีฬาสี เมื่อ 4 ปีก่อน ส่งผลให้กลุ่มนี้ลดจำนวนในการเดินทางเข้าท่องเที่ยวในเมืองไทยลงมาก

แต่ล่าสุดสำนักงาน โอซาก้า สำนักงานโตเกียว มีการสำรวจความสนใจในความสนใจของกลุ่มนักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ก่อนตัดสินใจกลับมาเปิดสำนักงานที่ฟูกูโอกะ พบว่ากลุ่มนักเรียน นักศึกษา กลุ่มศึกษาดูงาน อบรมสัมมนา เพื่อแลกเปลี่ยนศิลปะ วัฒนธรรม ยังสนใจที่จะเดินทางท่องเที่ยวในไทย

ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ททท.มุ่งทำตลาดกลุ่มความสนใจเฉพาะอย่าง โดยไม่ลืมที่จะบริษัทนำเที่ยวจัดทริปถ่ายภาพ “เกไมโกะ” (Geimaigo) หรือ ซูเปอร์สตาร์ในกลุ่มผู้หญิงที่อยู่ระหว่างฝึกเป็น‘เกอิชา’ ไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่างๆ ในประเทศไทย

โดยจะดึง‘ไมโกะ’ หรือหญิงสาวที่อยู่ระหว่างการฝึกเป็นเกอิชา มาเป็นแบบถ่ายภาพในแหล่งท่องเที่ยวไทย เช่น เส้นทางเชียงใหม่เชื่อมลำพูน ซึ่งเมื่อภาพออกไปจะสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองไทยได้ มหาศาล

สําหรับภาพรวมการเดินทางของนักท่องเที่ยว ชาวญี่ปุ่นในช่วง 10 เดือนแรก (ม.ค.-ต.ค.2561) เดินทางท่องเที่ยวมาประเทศไทยจำนวน 1,353,301 คน เพิ่มขึ้น 6.89% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของ ปี 2560

คาดว่าเมื่อสิ้นสุดปี 2561 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นเข้าไทยจำนวน 1,630,000 คน เพิ่มขึ้น 7.52% ก่อให้เกิดรายได้ 73,370 ล้านบาท เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 9.01%

ส่วนในปี 2562 ตั้งเป้านักท่องเที่ยวญี่ปุ่นมาไทย 1,680,000 คน เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ในอัตรา 5% และสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศไทย 77,500 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นในอัตรา 10.09%

เมื่อททท.เล็งกลุ่มเฉพาะเจาะจง เชื่อว่าการเดินทางมาเยือนไทยของชาวญี่ปุ่นจะเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง