ก.อุตฯ แนะปี’62 เอสเอ็มอีต้องปรับตัว โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นทั้งผู้ผลิต/จำหน่ายตรงให้ผู้บริโภค ซึ่งกลุ่มนี้น่าเป็นห่วงที่สุด ชี้ ท่องเที่ยว-เกษตร-ออนไลน์ มาแรง

ก.อุตฯ แนะปี’62 เอสเอ็มอีต้องปรับตัว – นายสมชาย หาญหิรัญ รมช.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ปี 2562 เป็นปีที่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) ต้องปรับตัวตามกระแสของผู้บริโภคและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป ทั้งกลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นห่วงโซ่การผลิตให้อุตสาหกรรมหลัก และโดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอีที่เป็นทั้งผู้ผลิต/จำหน่ายตรงให้ผู้บริโภค ซึ่งกลุ่มนี้น่าเป็นห่วงที่สุด เพราะยังยึดรูปแบบการผลิตและช่องทางจำหน่ายแบบเดิม ไม่ปรับเปลี่ยนตามกระแส ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมจึงมีนโยบายดำเนินมาตรการทางการเงินที่เฉพาะเจาะจงเพื่อให้เข้าถึงเอสเอ็มอีที่มีความหลากหลายมากขึ้น

ขณะนี้กระแสทางการค้าเปลี่ยนไปโดยเฉพาะการทำตลาดที่มีระบบการค้าขายทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้เอสเอ็มอีที่เป็นทั้งผู้ผลิตและจำหน่ายเริ่มแข่งขันกันสูง มีการพัฒนารูปแบบผลิตภัณฑ์มากขึ้น หากยังคงยึดช่องทางจำหน่ายแบบเดิมอาจไม่ทันเหตุการณ์ ส่วนเอสเอ็มอีที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตยังมีทิศทางสดใสแบ่งเป็นเอสเอ็มอี ที่เป็นชิ้นส่วนเชื่อมโยงอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเอสเอ็มอีใหม่ ที่เน้นเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งเริ่มมีมากขึ้นและมีโอกาสค่อนข้างสูง อาทิ เอสเอ็มอี ที่เชื่อมโยงอุตสาหกรรมอากาศยาน อาหารสุขภาพ เป็นต้น

“ปี 2562 จะมีวงเงินใหม่ที่เหลือจากกองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีและกองทุนพลิกฟื้นรวม 1,800 ล้านบาท ซึ่งทางสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) จะนำมาปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอีที่เป็นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) โดยไม่ต้องค้ำประกัน”นายสมชายกล่าว

นอกจากนี้ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ยังได้จัดทำมาตรฐานอุตสาหกรรมเอส (มอก.S) สำหรับเอสเอ็มอี โดยผู้ประกอบการสามารถรับคูปอง 30,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการขอรับรองสมอ. ซึ่งมอก.S ได้ประกาศแล้ว 40 เรื่อง ขณะนี้มีผู้ประกอบการยื่นขอการรับรองแล้ว 19 รายผ่านการรับรองและรับมองรับรองแล้ว เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. นี้ จำนวน 7 ราย ได้แก่ 1. บริษัท เจ วาย ฟลาวเวอร์แอนด์แฮนดี้คราฟ 2. บริษัท บั๊กโซลูชันส์ 3. บริษัท โพรเทคสพลัส 4. บริษัท เอสเค เพรสคอนโทรล 5. บริษัท โอวาท โปรแอนด์ควิก 6. บริษัท นิวเบอรี่ เวลเนส และ 7. บริษัท เฮลท์แคร์ แอนด์ สปา

น.ส.โชนรังสี เฉลิมชัยกิจ ประธานสมาพันธ์ เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า เอสเอ็มอี ที่เป็นเทรนด์ในปี 2562 หรือมาแรง ได้แก่ 1. เอสเอ็มอีกลุ่มท่องเที่ยว เนื่องจากการท่องเที่ยวเติบโตสูงมาก ทำให้เอสเอ็มอีที่เชื่อมโยงการท่องเที่ยวยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง ซึ่งสมาพันธ์ฯ ให้ความสำคัญกับท่องเที่ยวชุมชน เพราะรายได้จะตกถึงประชาชนมากขึ้น 2. กลุ่มเอสเอ็มอีที่ค้าขายผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องสำอาง ครีมบำรุงผิว ที่พบว่ามียอดขายเพิ่มขึ้น ซึ่งสมาพันธ์ฯ ได้เชื่อมโยงกับธุรกิจขนส่งหรือโลจิสติกส์เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และ 3. เกษตรแปรรูป เอสเอ็มอีกลุ่มนี้มีมากขึ้นต่อเนื่อง และปี 2562 จะยังคงมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้าเกษตรอินทรีย์ (ออร์แกนิก) ซึ่งได้ส่งเสริมเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน