นายอนันต์ วงศ์เบญจรัตน์ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า ปี 2562 อาจจะมีค่ายหนังยักษ์ใหญ่แห่งวงการฮอลลีวูด จากประเทศสหรัฐอเมริกา เตรียมที่จะยกกองถ่ายเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ในประเทศไทยหลายเรื่อง หลังจากปีที่แล้วกรมฯ ได้เดินทางไปพบกับทางผู้บริหารค่ายหนังชื่อดังหลายรายของฮอลลีวูด ซึ่งหลายรายก็แสดงความสนใจที่จะเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ในไทย เพราะเห็นว่ามีเอกลักษณ์ และมีสิทธิประโยชน์ทางภาษีรองรับ
ปีนี้หนังฟอร์มยักษ์ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐฯ อินเดีย และจีน ต่างก็สนใจเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ หรือถ่ายทำสารคดีในช่วงปลายปีที่ผ่านมาได้เดินทางไปกับปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อไปชักจูงบรรดาค่ายหนังต่างๆ เข้ามาถ่ายทำในประเทศไทย ซึ่งถ้าเข้ามาจริงกองถ่ายทำภาพยนตร์กลุ่มนี้จะมีเงินลงทุนสูงเป็นพันล้านบาท บางส่วนก็เข้ามาถ่ายทำทั้งเรื่อง หรือบางส่วนก็มาถ่ายทำในไทยบางส่วน
“หากมีการถ่ายหนัง หรือสารคดีในเมืองไทย ไม่ว่าจะประเทศอะไร จะเกิดการใช้จ่าย และโปรโมตประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดก็ส่งผลดีต่อประเทศไทย เพราะเมื่อมีกลุ่มนี้เข้ามาก็เกิดการใช้จ่าย และเกิดการจ้างงานในพื้นที่ รายได้ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ มองในเบื้องต้นอาจจะเสมอตัวหรือปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยตอนนี้รอลุ้นค่ายหนังยักษ์ใหญ่ตอบรับมาก่อน ซึ่งถ้าเข้ามาจริงก็ทำให้ตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นกว่านี้ ส่วนที่เหลือก็ถือว่าอยู่ในระดับปกติ โดยในช่วงหลังานี้มีกองถ่ายระดับปานกลาง ถึงเล็กเข้ามาจำนวนมาก หลาย 100 รายที่มีงินลงทุนไม่ถึง 50 ล้านบาท”
นายอนันต์ กล่าวว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา กองกิจการภาพยนตร์และวีดีทัศน์ต่างประเทศของกรมการท่องเที่ยว ได้สรุปสถิติการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย แม้ว่าในแง่ของจำนวนเรื่องที่คณะถ่ายทำภาพยานตร์จากต่างประเทสจะลดลงเหลือ 714 เรื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 810 เรื่อง หรือลดลง 11.85% แต้ถ้าเทียบกับรายได้ที่เกิดขึ้นจะพบว่ามีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยในปี 2561 มีรายได้ 3,139.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้ 3,074.1 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 2.21% ส่วนในปี 2562 นี้ กรมฯ คาดว่า ตัวเลขรายได้อาจเพิ่มสูงกว่าปี 2561 เล็กน้อย หรืออาจจะอยู่ใกล้เคียงกัน
สำหรับประเทศที่ทำรายได้จากการเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์มากที่สุด 3 อันดับในปี 2561 คือ อันดับที่ 1 สหรัฐฯ ทำรายได้ 1,246 ล้านบาท รองลงมาคือ อินเดีย 279 ล้านบาท และจีน 430 ล้านบาท โดยประเภทของภาพยนตร์ที่เข้ามาถ่ายทำ มากที่สุดคือ ภาพยนตร์โฆษณา/ประชาสัมพันธ์ 335 เรื่อง ภาพยนตร์สารคดี 120 เรื่อง ภาพยนตร์เรื่องยาว 74 เรื่อง รายการโทรทัศน์ 72 เรื่อง มิวสิควีดีโอ 46 เรื่อง รายการเกมส์โชว์/เรียลริตี้ 32 เรื่อง รายการโทรทัศน์ที่มีเนื้อหาละเอียดอ่อน 12 เรื่อง ภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ 16 เรื่อง ละครโทรทัศน์ 1 เรื่อง และภาพยนตร์ประเภทอื่นๆ 2 เรื่อง
อย่างไรก็ตาม ในแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาพยนตร์นั้น ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการออกมาตรการมาช่วยสนับสนุนด้วยการคืนเงินจากการใช้จ่ายระหว่างถ่ายทำในไทยให้ 15% พร้อมกับเพิ่มสิทธิประโยชน์พิเศษหากเลือกใช้นักแสดงจากในไทย หรือใช้อุปกรณ์ในประเทศได้เงินคืนเพิ่มอีก 3% และหากเนื้อหาของภาพยนตร์เป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศจะได้รับเงินคืนเพิ่มอีก 2% รวมทั้งหมด 20%
