นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมช.พาณิชย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าของนโยบายการจัดทำตลาดกลางประชารัฐ 3 ส่วน โดยระบุว่า ภายหลังหารือร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและตัวแทนกองทุนหมู่บ้าน ขณะนี้ได้รับข้อเสนอพื้นที่จัดทำตลาดกลางรวมทั่วประเทศแล้ว 140 แห่ง ครอบคลุมประเภทของตลาดทั้งตลาดกลางทั่วไป ตลาดกลางสินค้าเฉพาะอย่าง และตลาดกลางชุมชน ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลังจากนี้ตนจะเป็นประธานดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการเข้ามาติดตามงานของตลาดกลางโดยตรง พร้อมทั้งจัดกลุ่มของตลาดกลางที่มีศักยภาพเข้าข่ายแต่ละประเภทของตลาด
“ในช่วงสัปดาห์นี้จะเร่งรัดจัดตั้งคณะทำงานให้แล้วเสร็จ เพื่อดำเนินการจัดกรุ๊ปของพื้นที่ตลาดที่ทางพาณิชย์จังหวัดเสนอมาเป็นหมวดหมู่ ก่อนจะคัดเลือกตลาดที่มีศักยภาพออกมาพัฒนา โดยทำการศึกษาศักยภาพแบบเชิงลึก เน้นหลักไปที่การพัฒนาตลาดเพื่อต่อยอดเข้ากับการท่องเที่ยว เพื่อใช้ตลาดกลางประชารัฐเหล่านี้เป็นรากฐานของการพัฒนาเศรษฐกิจในชุมชน อย่างไรก็ตาม นโยบายทั้งหมดนี้จะต้องถูกเร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จเป็นรูปธรรมภายใน 3-6 เดือนแน่นอน ส่วนงบประมาณเตรียมจัดสรรขอใช้งบพิเศษ ซึ่งได้เสนอขอไปแล้วประมาณ 3 พันล้านบาท”
นอกจากนี้ เพื่อพัฒนาตลาดที่มีเอกลักษณ์และตอบสนองกับความต้องการของผู้บริโภครวมถึงนักท่องเที่ยวโดยตรง ขณะนี้ มอบหมายให้กรมการค้าภายใน (คน.) ศึกษาความเหมาะสมของการพัฒนาตลาดเฉพาะที่จะเน้นเอกลักษณ์ในด้านของอาหาร ผัก ผลไม้ต่างๆ ที่ไทยขึ้นชื่ออยู่แล้ว โดยจัดทำตลาดลักษณะแบบนี้ขึ้นมาใหม่ให้เป็นแลนด์มาร์คสำคัญของแต่ละภาค เช่น ตลาดทุเรียนในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลัก หรือตลาดซีฟู้ดในพื้นที่ภาคตะวันออกและภาคใต้เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรป
นายสนธิรัตน์ ยังกล่าวอีกว่า แผนงานที่มอบหมายให้ คน. ไปดำเนินการพัฒนาตลาดต่างๆ ให้มีเอกลักษณ์ชัดเจนนั้น เพื่อมุ่งเน้นให้ประเทศมีแลนด์มาร์คสำคัญที่นักท่องเที่ยวต้องแวะจับจ่ายใช้สอย เป็นแหล่งรวมอาหาร ผัก ผลไม้และของฝากที่ต้องซื้อ และทำให้โครงการพัฒนาตลาดกลางต่างๆ ของ คน. มีความเข้มแข็งมากขึ้น นอกเหนือจากการพัฒนาตลาดชุมชน ร้านค้าชุมน ตลาดต้องชม ที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน
ทั้งนี้ คาดหวังว่าการวางนโยบายพัฒนาตลาดกลางประชารัฐ และตลาดเฉพาะเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวนี้จะสามารถเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศได้อย่างชัดเจนในปีนี้
