นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการกองทุนเอสเอ็มอีประชารัฐ 20,000 ล้านบาท ว่า ขณะนี้เตรียมตั้งสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ โดยระยะแรกจะให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) เป็นผู้ดูแล เพื่อกำหนดรายละเอียดและเงื่อนไขในการปล่อยสินเชื่อทั้งหมด โดยเบื้องต้นจะเสนอให้ปล่อยสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษ ประมาณ 1% วงเงินไม่เกินรายละ 40 ล้านบาท
สำหรับเงื่อนไขการพิจารณาปล่อยสินเชื่อ จะให้คณะกรรมการแต่ละจังหวัด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ตัวแทนสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเป็นเลขาธิการ และมีหน่วยงานต่างๆ ลักษณะคล้ายประชารัฐ เช่น สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย สถาบันการศึกษา คัดเลือกกิจการเอสเอ็มอีที่มีศักยภาพในการพัฒนาของแต่ละจังหวัดมาพิจารณาเป็นรายๆ ไป คาดจะคณะทำงานจะยกร่างระเบียบ ข้อบังคับ กฎเกณฑ์บริหารกองทุนฯ แล้วเสร็จภายในมี.ค.นี้ ก่อนเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป
“ระหว่างรอยกร่างเงื่อนไขต่างๆ แล้วเสร็จ คณะทำงานจะดำเนินจัดตั้งสำนักงานฯ ให้ผู้ว่าฯ แต่ละจังหวัด พิจารณาผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในการช่วยเหลือควบคู่ไปด้วย เมื่อระเบียบข้อบังคับผ่านการอนุมัติคณะทำงานแต่ละจังหวัดจะสามารถยื่นเรื่องดำเนินการต่อได้ทันที โดยการปล่อยสินเชื่อ จะดำเนินการหลายรูปแบบ เช่น ปล่อยสินเชื่อโดยตรง ปล่อยสินเชื่อ 2 สเต็ป เช่น กองทุนปล่อยกู้ผ่านแบงก์ 1 ล้านบาท และให้แบงก์ปล่อยต่อของตัวเองเพิ่มอีก 1 ล้านบาท เพื่อขยายวงเงินให้ผู้ประกอบการเพิ่มขึ้น”
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวว่า เบื้องต้นมีการหารือร่วมกันภายในกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อเตรียมการก่อนประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนเพื่อพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวนโยบายประชารัฐที่จะมีขึ้นภายในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ การอนุมัติวงเงิน 2 หมื่นล้าน จะแบ่งเป็นโครงการต่างๆ 5 รายการ ได้แก่ วงเงินปล่อยกู้ วงเงินประกันสินเชื่อ วงเงินสำหรับการพัฒนา วงเงินสำหรับการบริหาร และวงเงินสำหรับกิจการร่วมทุน (จอยท์เวนเจอร์) โดยหลักการอนุมัติจะต้องได้รับการเห็นชอบจากคณะอนุกรรมการจังหวัดที่มีอุตสาหกรรมจังหวัดเป็นเลขานุการก่อน หลังจากนั้นจะส่งเรื่องเข้าสู่คณะกรรมการกลางร่วมคัดกรองผู้ที่มีคุณสมบัติอีกครั้ง