สอน. ผนึกสมาคมชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล แก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ ช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศ

เดินหน้าแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ – นางวรวรรณ ชิตอรุณ เลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) เปิดเผยว่า จากการสำรวจปริมาณอ้อยไฟไหม้ เทียบกับปริมาณอ้อยไฟไหม้ฤดูการผลิตปี 2560/2561 และฤดูการผลิตปี 2561/2562 ณ วันหีบที่ 70 ของฤดูการผลิต มีปริมาณอ้อยไฟไหม้ลดลงถึง 4% โดยอ้อยไฟไหม้ของฤดูการผลิตปี 2561/2562 มีปริมาณ 34,628,902 ตัน คิดเป็น 56% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ลดลงจากฤดูการผลิตปี 2560/2561 มีปริมาณ 37,357,786 ตัน คิดเป็น 60% ของปริมาณอ้อยเข้าหีบทั้งหมด ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือกันของทุกภาคส่วนในการแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้

ขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานภาครัฐ ร่วมกับ สมาคมชาวไร่อ้อย โรงงานน้ำตาล และเกษตรกร ชาวไร่อ้อยทั่วประเทศ จับมือรณรงค์ไม่ให้เก็บเกี่ยวอ้อยด้วยวิธีการเผาไร่อ้อยก่อนตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาลและให้ความรู้เรื่องเกี่ยวกับการเผาอ้อย อาทิ จ.กาญจนบุรี นครสวรรค์ กำแพงเพชร นครราชสีมา ชัยภูมิ ขอนแก่น และอุดรธานี จัดกิจกรรมรณรงค์ประชาสัมพันธ์และสร้างความรู้ความเข้าใจกับเกษตรกรชาวไร่อ้อย เรื่อง มาตรการแนวทางแก้ไขปัญหาอ้อยไฟไหม้ โทษของฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอน (PM 2.5) การตัดอ้อยเข้าสู่โรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับความร่วมมือจากเกษตรกรชาวไร่อ้อยจำนวนมาก เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ

ทั้งนี้ สอน. จะเดินหน้าโครงการสินเชื่อสำหรับการจัดซื้อรถตัดอ้อยอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2562 สอน. ได้เสนอขอขยายโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจร (ระยะที่ 2) โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สนับสนุนสินเชื่อแก่เกษตรกร กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชน ปีละ 2,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปี รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 6,000 ล้านบาท (งบประมาณปี พ.ศ.2562-2564) อัตราดอกเบี้ยสำหรับเกษตรกรรายบุคคลอยู่ที่ลูกค้ารายย่อยชั้นดี (เอ็มอาร์อาร์) -5 รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ยให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตรา 3% ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในอัตรา 2% ต่อปี

สำหรับกลุ่มเกษตรกร สหกรณ์การเกษตร สถาบันชาวไร่อ้อย กลุ่มบุคคล และวิสาหกิจชุมชน คิดดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (เอ็มแอลอาร์) โดยเรียกเก็บจากผู้กู้ในอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ -3 รัฐบาลชดเชยดอกเบี้ย ให้ ธ.ก.ส. แทนผู้กู้ในอัตรา 2% ต่อปี และ ธ.ก.ส. รับภาระในอัตรา 1% ต่อปี ซึ่งจะเป็นแนวทางหนึ่งในการช่วยเพิ่มผลิตภาพการผลิต และคุณภาพของผลผลิตอ้อย อีกทั้งสามารถช่วยลดต้นทุนการผลิตได้ในระยะยาวส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยและลดปริมาณอ้อยไฟไหม้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน