ที่ประชุมคณะกรรมการบีโอไอที่มีนายกฯตู่ นั่งเป็นประธาน อนุมัติส่งเสริม 5 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 40,462 ล้านบาท
บอร์ดบีโอไออนุมัติ 5 โครงการ – น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้บริษัท เอดับเบิ้ลยู (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริม โครงการผลิตชุดเกียร์ส่งกำลังอัตโนมัติ เงินลงทุนทั้งสิ้น 7,244 ล้านบาท ใน จ.ชลบุรี เพื่อผลิตป้อนค่ายรถยนต์ชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศ ช่วยลดการนำเข้าชุดเกียร์ส่งกำลังอัตโนมัติจากต่างประเทศที่นำมาผลิตรถยนต์ในประเทศไทย ทั้งยังให้บริษัท เจนเนอรัล รับเบอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้รับส่งเสริมโครงการผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะ เงินลงทุน 9,721 ล้านบาท ในจ.ระยอง เพื่อสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากยางพาราในประเทศตามนโยบายรัฐบาล โดยจะใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นยางธรรมชาติในประเทศประมาณ 35,398 ตัน/ปี มูลค่าประมาณ 1,673 ล้านบาท/ปี
ขณะเดียวกันยังให้ MR.XUNNING JU ได้รับส่งเสริมโครงการผลิตยางล้อสำหรับยานพาหนะ เงินลงทุนทั้งสิ้น 10,061 ล้านบาท ในจังหวัดจ.ชลบุรี สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากยางพาราในประเทศตามนโยบายรัฐบาล โดยจะใช้วัตถุดิบซึ่งเป็นยางธรรมชาติในประเทศประมาณ 23,838 ตัน/ปี มูลค่าประมาณ 1,433.3 ล้านบาท/ปี ให้บริษัท ไทยไลอ้อน เมนทารี จำกัด ได้รับส่งเสริมโครงการขนส่งทางอาอากาศ เงินลงทุน 6,968 ล้านบาท โดยเป็นกิจการสายการบินราคาประหยัด ให้บริการทั้งเส้นทางการบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งจะมีส่วนช่วยสนับสนุนอุตสาหกรรมการบินและอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ให้เรืออากาศโท รณชัย วงศ์ชะอุ่ม ได้รับส่งเสริมโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน โดยเป็นการร่วมทุนของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กับบริษัทผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของโลก เงินลงทุน 6,468 ล้านบาท ที่เมืองการบินภาคตะวันออก (EEC-A) จ.ระยอง ช่วยยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านการซ่อมบำรุงอากาศยานรุ่นใหม่ เพิ่มศักยภาพของช่างอากาศยานตามมาตรฐานสากล รวมทั้งช่วยดึงดูดการลงทุนในกลุ่มอุตสาหกรรมอากาศยานและการบินให้เข้ามาลงทุนในไทยมากยิ่งขึ้น
น.ส.ดวงใจ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขลงทุน “กิจการฐานความรู้” อาทิ กิจการปรับปรุงพันธุ์พืชหรือสัตว์ กิจการวิจัยและพัฒนา กิจการบริการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ กิจการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ กิจการบริการออกแบบทางวิศวกรรม และกิจการซอฟต์แวร์ เป็นต้น รวมถึงกิจการการผลิตหรือให้บริการระบบเกษตรสมัยใหม่ ที่มีจุดประสงค์เพื่อปรับเปลี่ยนภาคเกษตรกรรมของไทยจากการผลิตแบบดั้งเดิมเปลี่ยนไปเป็นเกษตรสมัยใหม่ โดยกิจการดังกล่าวจะต้องมีค่าใช้จ่ายที่เป็นเงินเดือนบุคลากรเฉพาะด้านไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี หรือมีเงินลงทุนขั้นต่ำที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกิจการฐานความรู้ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) อย่างใดอย่างหนึ่ง
