จับตา แอร์เอเชีย ซื้อ นกแอร์ ผูกขาด ละเมิดการแข่งขันทางการค้า โทษปรับมหาศาล!

นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ กรรมการการแข่งขันทางการค้า และโฆษกคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ออกโรงเตือน กรณี “แอร์เอเซีย” จะเข้าซื้อหุ้น “นกแอร์” หากมีผลทำให้เกิดการผูกขาดหรือเป็นผู้มีอำนาจเหนือตลาด จะต้องขออนุญาตต่อกรรมการการแข่งขันทางการค้าก่อน มิฉะนั้นอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางการค้า

ตามที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จากัด (มหาชน) หรือ สายการบินไทยแอร์เอเซีย (AAV) จะเข้าซื้อหุ้นของบริษัท สายการบินนกแอร์ จากัด (มหาชน) จากกลุ่มจุฬางกูร โดยได้ดำเนินการทา Due Diligence เพื่อประเมินมูลค่าปัจจุบัน กรณีนี้ สานักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (สขค.) ได้เฝ้าระวังและจับตาดู อย่างใกล้ชิด และหากมีการดำเนินการซื้อหุ้นจริงอย่างที่เป็นข่าว จะถือว่าเป็นการรวมธุรกิจ ภายใต้กฎหมายการแข่งขัน ทางการค้า

โดยผู้ประกอบธุรกิจจะต้องปฏิบัติตามประกาศคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า เรื่อง หลักเกณฑ์ การพิจารณา การเข้าซื้อสินทรัพย์หรือหุ้น เพื่อควบคุมนโยบายการบริหารธุรกิจ การอานวยการ หรือการจัดการ ที่เป็นการรวมธุรกิจ พ.ศ. 2561 โดยมีแนวทางการพิจารณาแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ

กรณีที่ 1 ต้องขออนุญาตก่อนการรวมธุรกิจ
หากการรวมธุรกิจที่จะเกิดขึ้น ระหว่างบริษัท เอเซีย เอวิชั่น จากัด (มหาชน) และ บริษัทสายการบินนกแอร์ จากัด (มหาชน) จากการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ทั้ง 2 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดสายการบินต้นทุนต่า (Low – cost) ภายในประเทศเป็น 2 ลาดับแรก อีกทั้งยังเป็นการรวมธุรกิจแบบแนวนอน (Horizontal Merger) หรือการรวมธุรกิจ ในตลาดสินค้าหรือบริการเดียวกัน

หากปรากฎว่าโครงสร้างตลาดหลังรวมธุรกิจทาให้ บริษัท เอเซีย เอวิชั่น จากัด (มหาชน) มีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่าร้อยละ 50 และมียอดเงินขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป จะเข้าข่ายการรวมธุรกิจ ที่มีอานาจเหนือตลาด ซึ่งกรณีนี้ ต้องขออนุญาตจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า และต้องได้รับการอนุญาต ก่อนการรวมธุรกิจ จึงจะสามารถดำเนินการรวมธุรกิจต่อไปได้

กรณีที่ 2 การรวมธุรกิจที่ต้องแจ้งผลการรวมธุรกิจหลังจากรวมธุรกิจแล้ว ภายใน 7 วัน
โดยกรณีนี้ จะใช้ยอดเงินขายเป็นเกณฑ์ในการพิจารณา หากผู้ประกอบธุรกิจรายใดรายหนึ่งที่มียอดเงินขายตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไป ดำเนินการรวมธุรกิจ ซึ่งการเข้าซื้อหุ้น ของบริษัท เอเซีย เอวิชั่น จำกัด (มหาชน) จากกลุ่มจุฬางกูร ในสัดส่วนการซื้อหุ้นมากกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทสายการบินนกแอร์ จากัด (มหาชน) เพื่อควบคุมนโยบาย การบริหารธุรกิจ การอำนวยการ หรือ การจัดการ แต่ไม่เป็นการผูกขาดหรือมีอำนาจเหนือตลาด จะเข้าข่าย การรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการลดการแข่งขันอย่างมีนัยสำคัญ กรณีนี้ สามารถแจ้งผลการรวมธุรกิจ ให้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าทราบ ภายใน 7 วัน หลังรวมธุรกิจเรียบร้อยแล้วได้

สำหรับบทลงโทษกรณีทไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย 1. การรวมธุรกิจอันอาจก่อให้เกิดการผูกขาดหรือการเป็นผู้ประกอบธุรกิจซึ่งมีอานาจเหนือตลาดต้องได้รับ การอนุญาตจากคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า หากฝ่าฝืน จะมีโทษปรับสูงสุดไม่เกินร้อยละ 0.5 ของมูลค่า ธุรกรรมในการรวมธุรกิจ

2. การรวมธุรกิจที่อาจส่งผลลดการแข่งขัน มีโทษปรับในอัตราไม่เกิน 2 แสนบาท และปรับรายวัน ในอัตราไม่เกิน 1 หมื่นบาท/วัน ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนตามกฎหมายอยู่

อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ได้สั่งการให้สำนักงานฯ เฝ้าระวัง และจับตาดู กรณีการรวมธุรกิจ ของสายการบินดังกล่าวข้างต้นอย่างใกล้ชิด และหากตรวจพบพฤติกรรม ที่เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายการแข่งขันทางค้า จะดำเนินการลงโทษตามกฎหมายอย่างจริงจัง และ เคร่งครัด โดยทันที

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน