นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ขานรับนโยบายนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาประกาศเร่งปราบปรามของละเมิดลิขสิทธิ์ เพื่อให้พ้นจากกลุ่มประเทศที่ถูกจับตาเป็นพิเศษ (PWL) และเพื่อประโยชน์ต่อประเทศในหลายๆ ด้าน เช่น เศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยว ภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยว หลังมีข้อมูลว่าแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในเมืองไทยมากกว่า 90% ของแหล่งท่องเที่ยว มีสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์วางขาย จึงร่วมมือจากผู้แทนจากภาคราชการและภาคเอกชนและสถานทูตในการร่วมกันแสดงเจตนารมณ์ในการต่อต้านสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ตามนโยบายรัฐบาล ในการป้องกันปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา

ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการท่องเที่ยวทุกกลุ่ม อย่าง โรงแรม มัคคุเทศก์ (ไกด์) บริษัททัวร์ ร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้นักท่องเที่ยวไม่ซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ โดยสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) เตรียมให้สมาชิกจัดทำสติ๊กเกอร์ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยว ขณะที่ไกด์จะไม่นำนักท่องเที่ยว หรือเป็นส่วนหนึ่งในการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ให้กับนักท่องเที่ยว

“พบว่าสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์กว่า 90% วางจำหน่ายตามแหล่งท่องเที่ยวทั่วประเทศ เช่น พัฒน์พงศ์ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ ภาคการท่องเที่ยวจะเร่งรณรงค์พร้อมวางมาตรการร่วมกันในการปราบปราม เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยปีที่ผ่านมาพบว่าหลายมาตรการที่ร่วมกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด เช่น การจัดเก็บภาษีที่ถูกต้อง ทำรัฐบาลมีรายได้เข้าประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงมีนักท่องเที่ยวกลุ่มคุณภาพมาไทยมากขึ้น”

นายพงษ์ภาณุ กล่าวว่า มอบหมายให้สำนักมาตรฐานและกำกับความปลอดภัยนักท่องเที่ยว วางมาตรกาปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ร่วมกัน โดยแผนดังกล่าวจะเสนอต่อรัฐบาลซึ่งมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการดำเนินงานด้านปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ พิจารณาต่อไป เบื้องต้นแนวทางการการปราบปราม เช่น ผู้ประกอบที่จำหน่ายเจ้าหน้าที่รัฐต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ขณะที่นักท่องเที่ยวจะให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ในส่วนบริษัททัวร์ จะเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการทันที เป็นต้น

ด้านพ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รองผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว กล่าวว่า ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวในแถบยุโรป จีน อินดดนีเซีย สิงคโปร์ ฯลฯ ที่เดินทางมาซื้อสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ในประเทศไทย เมื่อเดินทางกลับประเทศบางรายถูกจับ และให้ข้อมูลว่าซื้อมาจากประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์การท่องเที่ยว
ทั้งนี้ การป้องกันและปราบปรามในประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ส่วน ได้แก่ 1 สินค้าหนีภาษี และ 2 สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ ในส่วนนี้ตำรวจท่องเที่ยว เตรียมบูรณาการร่วมกับตำรวจ 191 ตำรวจท้องที่ เร่งปราบปรามดำเนินการในลำดับต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน