ภัยแล้งวิกฤต 13 เขื่อนขนาดกลางไม่มีน้ำใช้แล้ว ภาคอีสานหนักสุด – สทนช. คุยประปาหาน้ำสำรองกินใช้

ภัยแล้งวิกฤต 13 เขื่อนไม่มีน้ำ – นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวว่า จากการหารือร่วมกับการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) พบว่าขณะนี้มีสาขาที่มีความเสี่ยงขาดแคลนน้ำดิบในช่วงฤดูแล้งปี 2561/62 และการแก้ไขปัญหาและเฝ้าระวัง จำนวน 9 สาขา ได้แก่ 1. สุวรรณภูมิ (เกษตรวิสัย) จ.ร้อยเอ็ด 2. พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม 3. แม่ขะจาน (วังเหนือ) จ.เชียงราย 4. ฝาง (แม่อาย) จ.เชียงใหม่ 5. หนองบัวลำภู (นากลาง, ศรีบุญเรือง) จ.หนองบัวลำภู 6. พิมาย (เมืองคง) จ.นครราชสีมา 7. บุรีรัมย์ 8. เกาะพะงัน กำลังประเมินอาจต้องใช้น้ำสำรองและทำน้ำจืด และ 9. ลาดยาว จ.นครสวรรค์

ปัจจุบันสาขาต่างยังสามารถส่งน้ำได้ตามปกติ ยกเว้นสาขาสุวรรณภูมิ (จ.ร้อยเอ็ด) เริ่มมีการขาดแคลนน้ำแล้ว แต่ได้มีมาตราการในการแก้ไขปัญหาโดย การสูบทยอยน้ำจากลำห้วยเตาที่อยู่ใกล้เคียงมายังจุดสูบน้ำดิบลำน้ำเสียวใหญ่ ซึ่งมีระดับน้ำ 0.8 เมตร และจ่ายน้ำเป็นช่วงเวลา (ช่วงเช้า ตั้งแต่เวล 05.00-10.00 น. และ ช่วงเย็นตั้งแต่เวลา 17.00-22.00 น

สำหรับเขื่อนที่วิกฤตมีน้ำน้อยกว่า 30% มีจำนวนมาก แต่ในเขื่อนขนาดกลางมี 13 เขื่อน ที่ไม่เหลือน้ำใช้แล้ว โดยเฉพาะในภาคอีสาน ได้แก่ 1. อ่างเก็บน้ำห้วยทรายสว่าง จ.สกลนคร มีความจุ 1.1 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำ 0.1 ล้านลบ.ม. หรือ 7.1% ของความจุอ่าง 2. อ่างเก็บน้ำห้วยหินแตก จ.สกลนคร มีความจุ 1.5 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำในอ่าง 0.2 ล้านลบ.ม. หรือ 10.0% ของความจุอ่าง 3. อ่างเก็บน้ำห้วยนาบ่อ จ.สกลนคร ความจุกอ่าง 2.2 ล้านลบ.ม. ขณะนี้ไม่มีน้ำเหลือในอ่างแล้ว

4. อ่างเก็บน้ำน้ำซับคำโรงสี จ.สกลนคร มีความจุอ่าง 2.0 ล้านลบ.ม. มีน้ำเหลือ 0.5 ล้านลบ.ม. หรือ 24.3% 5. อ่างเก็บน้ำหนองสำโรง จ.อุดรธานี มีความจุอ่าง 4.3 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำ 0.3 ล้านลบ.ม. หรือ 6.1% 6. อ่างเก็บน้ำห้วยจานใต้ จ.ร้อยเอ็ด มีตวามจุอ่าง 5.8 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำในอ่าง 0.2 ล้านลบ.ม. หรือ 3.1% ของความจุอ่าง 7. อ่างเก็บน้ำหนองผือ จ.ร้อยเอ็ด มีความจุดอ่าง 4.2 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำในอ่าง 0.8 ล้านลบ.ม. หรือ 19.1% ของความจุดอ่าง 8. อ่างเก็บน้ำห้วยสวาย จ.บุรีรัมย์ มีความจุ 13.6 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำในอ่าง 0.7 ล้านลบ.ม. หรือ 5.5% ของความจุ

9. อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก จ.บุรีรัมย์ ความจุอ่าง 26.0 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำในเขื่อน 1.3 ล้านลบ.ม. หรือ 5.0% ของความจุดอ่าง 10. อ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ จ.บุรีรัมย์ มีความจุอ่าง 1.3 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำในอ่าง 0.1 ล้านลบ.ม. หรือ 7.6% ของความจุดอ่าง 11. อ่างเก็บน้ำห้วยตะคร้อ จ.นครราชสีมา ความจุดอ่าง 9.5 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำ 0.1 ล้านลบ.ม. หรือ 1.1% ของความจุ, และ เขื่อนในภาคตะวันออก มีอีก 1 เขื่อนที่ไม่มีน้ำใช้แล้วคือ 13. อ่างเก็บน้ำคลองบอน จ. จันทบุรี ความจุ 2.5 ล้านลบ.ม. ขณะนี้เหลือน้ำเพียง 1.2% ของความจุอ่าง

ทั้งนี้ สถานการณ์น้ำในอ่างทั้งหมดทั่วประเทศมีจำนวน 412 อ่าง มีจำนวน 89 อ่างที่มีน้ำน้อยกว่า 30% ของความจุ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเตรียมการรับมือวิกฤตภัยแล้งและความเสี่ยงขาดแคลนน้ำเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงฤดูกรณีมีการปรับแผนการจัดสรรน้ำ ขอให้แจ้ง สทนช. ล่วงหน้า พร้อมประเมินปริมาณน้ำต้นทุนช่วงต้นฤดูฝน ปี 2562 ใหม่ ให้สอดคล้องกับการปรับแผน

โดยกระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตรวจสอบและเตรียมมาตรการรองรับพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำตามที่ สทนช. บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องวิเคราะห์ชี้เป้าพร้อมทั้งได้จัดทำข้อมูลแหล่งน้ำต้นทุนที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตร เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการวางแผนรับมือและแก้ไขปัญหา

สำหรับผลการเจาะบ่อบาดาลเพื่อช่วยเหลือภัยแล้ง ปี 2562 มีเป้าหมาย 1,894 บ่อดำเนินการเจาะแล้ว 530 บ่อ หรือ 28% ของแผน โดยตามแผนเจาะบ่อบาดาล แบ่งเป็นเจาะในพื้นที่เสี่ยงภัยแล้ง 737 บ่อ เจาะแล้ว 226 บ่อ หรือ 31%ของเป้าหมาย แผนเจาะบ่อบาดาลเพื่ออุปโภคบริโภค 338 บ่อ เจาะบ่อแล้ว 124 บ่อ หรือ 36% และแผนด้านการเกษตรจำนวน 399 บ่อ เจาะแล้วเสร็จ 102 บ่อ หรือเจาะแล้วเสร็จ 25%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน