กนง. เอกฉันท์คงดอกเบี้ย 1.75% หลังส่งออกวูบ ดึงเศรษฐกิจชะงัก หั่นจีดีพีปีนี้เหลือ 3.8% จากเดิม 4% ส่วนส่งออกโตแค่ 3%

กนง. คงดอกเบี้ย 1.75% – นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน และในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง. เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 มีมติเป็นเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.75% ต่อปี ขณะที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ในปี 2562 ปรับลดประมาณการมาเหลือ 3.8% จากเดิมที่ 4% ขณะที่ในปี 2563 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 3.9%

ด้านส่งออกในปี 2562 ปรับลดลง เหลือ 3% จากเดิม 3.8% ส่วนปี 2563 คาดว่าส่งออกจะขยายตัวได้ 4.1% และการนำเข้าในปี 2562 คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.1% และเพิ่มเป็น 4.8% ในปี 2563

“สาเหตุที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 1.75% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวใกล้เคียงศักยภาพแม้ว่าจะชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้จากอุปสงค์ต่างประเทศที่ชะลอลง ด้านอุปสงค์ในประเทศยังขยายตัวได้ต่อเนื่อง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มใกล้เคียงกับที่ประเมินว่า อย่างไรก็ตาม กนง.ยังเห็นว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายในระดับปัจจุบันมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและสอดคล้องกับกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ ประกอบกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจโลกและปัจจัยในประเทศที่สูงขึ้นในปัจจุบัน

นายทิตนันทิ์ กล่าวว่า สาเหตุหลักที่ปรับประมาณการเศรษฐกิจไทยจะปรับลดลง มาจากปัจจัยด้านการส่งออกเป็นหลัก รวมทั้งปัจจัยภายในประเทศ ซึ่งต้องพิจารณาข้อมูล (Data Independent) ในการประชุมครั้งต่อครั้ง แต่เศรษฐกิจไทยในภาพรวมมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องใกล้เคียงศักยภาพตามแรงส่งของอุปสงค์ในประเทศ โดยการบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ตามรายได้ครัวเรือนทั้งในและนอกภาคเกษตรที่ปรับดีขึ้นและกระจายตัวมากขึ้น ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงสนับสนุนจากมาตรการภาครัฐ แต่ยังได้รับแรงกดดันจากหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง

ส่วนการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามการย้ายฐานการผลิตมายังไทยและโครงการร่วมลงทุนของรัฐและเอกชนในโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงความเชื่อมั่นด้านการลงทุนที่อยู่ในเกณฑ์ดี ขณะที่การส่งออกสินค้าชะลอลงกว่าที่ประเมินไว้ตนามการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและวัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงผลของมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน

นายทิตนันทิ์ กล่าวว่า กนง.จะติดตามความเสี่ยงด้านต่างประเทศ จากทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน แนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน และเศรษฐกิจประเทศอุตสาหกรรมหลักที่จะส่งผลมาสู่อุปสงค์ในประเทศ รวมทั้งจะติดตามความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญและการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป

สำหรับระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ แต่ยังต้องติดตามความเสี่ยงที่อาจสร้างความเปราะบางให้เสถียรภาพระบบการเงินได้ในอนาคต กนง.เห็นว่ามาตรการดูแลเสถียรภาพระบบการเงินที่ได้ดำเนินการไปและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านมาจะช่วยดูแลการสะสมความเปราะบางในระบบการเงินจากพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ในภาวะอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ซึ่งอาจนำไปสู่การประเมินความเสี่ยงที่ต่ำกว่าที่ควร แต่ยังต้องติดตามพัฒนาการจากตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย การปรับตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ การขยายสินทรัพย์ของสหกรณ์ออมทรัพย์ รวมทั้งทิศทางการก่อหนี้ของภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่อาจประเมินความเสี่ยงต่ำกว่าที่ควร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน