พาณิชย์ลุยแก้ปาล์มราคาตก ยอมรับปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดมีปริมาณมากตามที่กระทรวงเกษตรฯ คาดไว้ แต่ปัญหาอุปสรรคคือการขยายตัวของตลาดรองรับมีอัตราต่ำ จี้ใช้บี20 – บี100 เพิ่มขึ้นอีก

พาณิชย์ลุยแก้ปาล์มราคาตก – น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ รักษาราชการแทนรมว.พาณิชย์ เปิดเผยระหว่างการลงพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมนางจินตนา ชัยยวรรณาการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน และคณะเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์ผลผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มดิบ รวมถึงความคืบหน้าการรับซื้อผลปาล์มน้ำมันเพื่อสกัดน้ำมันปาล์มดิบของโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มที่ทำสัญญาซื้อขายและส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบให้แก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ ว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ได้จัดคณะแบ่งออกเป็น 3 สาย โดยทุกสายจะตรวจเยี่ยมโรงงานสกัดฯ ขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ ลานเท สถานีบริการน้ำมันที่ขายน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 บริษัทผู้ค้าน้ำมัน คลังให้บริการเช่าเก็บน้ำมัน และพบปะเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน

ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์

ผลการตรวจเยี่ยมพบว่า ผลผลิตผลปาล์มน้ำมันที่ออกสู่ตลาดมีปริมาณมากตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้คาดการณ์ไว้ ผู้ประกอบการค้าตลอดห่วงโซ่ประเมินสถานการณ์ว่าแนวโน้มผลผลิตปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มจะมีปริมาณมากกว่าปี 2561 แต่ปัญหาอุปสรรคคือการขยายตัวของตลาดรองรับมีอัตราต่ำกว่าการขยายตัวของผลผลิต โดยความต้องการใช้ในประเทศเพื่อการบริโภคทั้งในครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มทรงตัว การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบและผลิตภัณฑ์มีข้อจำกัดด้านข้อเสียเปรียบทางการแข่งขันทางการค้ากับประเทศรายใหญ่คืออินโดนีเซียและมาเลเซีย

สำหรับความคืบหน้าของมาตรการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าตามมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ พบว่าโรงสกัดฯ ที่เป็นคู่สัญญาของ กฟผ. แต่ละรายได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ คือรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมส่งเสริมการเกษตรในปริมาณและราคาที่สอดคล้องกับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบที่แต่ละรายทำสัญญาซื้อขายไว้ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบส่วนเกินที่เป็นปัจจัยสาเหตุสำคัญของปัญหาราคา กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม โดยให้เร่งผลักดันการใช้ด้านพลังงานทดแทนภายในประเทศ แทนการพึ่งพาตลาดนอกประเทศที่มีข้อจำกัดและอุปสรรคมากกว่า

แนวทางที่กระทรวงพาณิชย์เสนอเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 และ บี 100 ได้แก่ ร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทย องค์การบริหารส่วนตำบล องค์การบริหารส่วนจังหวัด เทศบาล เพิ่มสถานีบริการน้ำมันขาย บี 20 ในรูปของถังลอย และปั๊มหลอดในพื้นที่ระดับตำบลทั่วประเทศ รณรงค์การใช้ของกลุ่มเกษตรกร และสหกรณ์ที่จะใช้น้ำมัน บี 100 กับเครื่องจักรกลการเกษตร เพื่อกระจายน้ำมันให้กับสมาชิกในกลุ่ม เพิ่มปริมาณสถานีบริการน้ำมัน บี 20 โดยมีเป้าหมาย 1,000 สถานี ภายในพ.ค. 2562 นี้ และตรวจสอบสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบทุกสัปดาห์ เพื่อป้องกันการลักลอบนำเข้า

นอกจากนี้ ผู้ประกอบการในพื้นที่เสนอให้ดูดซับน้ำมันส่วนเกินด้วยการเพิ่มมาตรฐานน้ำมันดีเซลจาก บี 7 เป็น บี 10 ซึ่งระหว่างนี้อยู่ระหว่างรอผลการศึกษาของกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน

สำหรับการเลือกลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานีเนื่องจากเป็นจังหวัดแหล่งผลิตสำคัญอันดับหนึ่งของประเทศ โดยมีพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน 1.2 ล้านไร่ คิดเป็น 22.39% มีผลผลิตผลปาล์มน้ำมันปีละมากกว่า 4 ล้านตัน หรือ 24.15% ของผลผลิตทั้งประเทศ มีโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มมากถึง 26 โรง โดยโรงสกัด 16 โรง ได้เข้าร่วมมาตรการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้แก่ กฟผ. คิดเป็น 58% ของปริมาณน้ำมันปาล์มดิบเป้าหมาย 160,000 ตัน ซึ่งจากการลงพื้นที่ก็พบว่า ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับสินค้าปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มได้บูรณาการความร่วมมือในการขับเคลื่อนมาตรการของรัฐบาลให้บรรลุเป้าหมายเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน

รมช.พาณิชย์ กล่าวอีกว่า กระทรวงพาณิชย์จะร่วมกับกระทรวงพลังงานและกระทรวงมหาดไทย เร่งขยายผลมาตรการเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 และ บี 100 ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมเร็วที่สุด จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการขนส่งหันมาใช้น้ำมัน บี 20 ซึ่งช่วยลดต้นทุนการขนส่งสินค้าได้ และที่สำคัญท่านได้มีส่วนร่วมในการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันให้มีความมั่นคงในอาชีพยิ่งขึ้น และสำหรับพี่น้องเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันและเกษตรกรที่ทำเกษตรกรรมสาขาอื่น ที่ประสงค์จะใช้น้ำมัน บี 100 ในเครื่องจักรกลทางการเกษตร สามารถรวมกลุ่มกันและมอบหมายผู้แทนที่จะเป็นผู้จัดหาน้ำมัน บี 100 มากระจายเพื่อใช้ภายในกลุ่มสมาชิกโดยถูกต้องตามกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน