สศก. เผยสวนทุเรียนแห่ตีทะเบียนจีเอพี หวังดันราคาสูงขึ้น ชี้ต้นทุนแรงงานภาคเกษตรพุ่งเป็นตัวถ่วง ขณะที่ ‘สหกรณ์-เกษตรกร’ แปลงร่างเป็นล้งส่งออกเพียบ

สวนทุเรียนแห่ตีทะเบียนจีเอพี – นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยว่า ขณะนี้จีนมีเข้มงวดระบบตรวจสอบคุณภาพผลไม้นำเข้า ทำให้เกษตรกรมีความตื่นตัวในการขึ้นทะเบียน และรับรองมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (GAP) เพื่อยื่นยืนยันที่โรงคัดบรรจุมากขึ้น โดยไตรมาสแรกปี 2562 มีจำนวนเกษตรกรภาคตะวันออกที่จดทะเบียนรับรองแหล่งผลิต (GAP) ทุเรียนแล้ว 4,121 ราย รวมพื้นที่ 55,953.12 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ถึง 77% ส่วนด้านโรงคัดบรรจุ จะต้องผ่านมาตรฐานหลักเกณฑ์และวิธีการที่ดีในการผลิต (GMP) เพื่อยืนยันสำหรับการส่งออก โดยระบุรหัสโรงคัดบรรจุลงบนใบรับรองสุขอนามัยพืช (PC) ด้วยเช่นกัน

“สวนทุเรียนขณะนี้มีปัญหาต้นทุนเพิ่มขึ้น ทั้งต้นทุนแรงงานภาคเกษตรที่มีค่าแรงที่เพิ่มขึ้น และการขาดแคลนแรงงานในสวนผลไม้และที่โรงคัด ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากการดูแลรักษาต้นทุเรียน และค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำมารดสวนเนื่องจากภัยแล้ง ดังนั้น เกษตรกรควรลดต้นทุน แต่หากทำมาตรฐานรับรองคุณภาพมาตรฐานและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ทำให้ราคาที่เกษตรกรได้รับสูงกว่าตลาดทั่วไป และหากเกษตรกรรายใดที่มี GAP จะได้รับราคาจำหน่ายเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 2 บาท”

นางอัญชนา กล่าวว่า สศก. ได้ลงสำรวจผู้ประกอบการธุรกิจผลไม้ที่มีต่อผลไม้ไทย ใน จ.จันทบุรี ระยอง และตราด ผลผลิตทุเรียนที่มีคุณภาพส่วนใหญ่เกษตรกรจะจำหน่ายแบบเหมาสวนให้กับผู้ประกอบการโรงคัดบรรจุทุเรียน (ล้ง) เลือกจำหน่ายทุเรียนแก่ล้งที่ให้ราคาดีกว่า เพื่อส่งออกไปยังตลาดจีน ซึ่งขณะนี้ยังมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยล้ง เปิดทำการรับซื้อทุเรียนตั้งแต่ช่วงประมาณกลางเดือนมี.ค. 2562 เป็นต้นมา

สำหรับผลผลิตที่มีคุณภาพเกรด A และเกรด B ส่วนใหญ่บรรจุกล่องส่งออกตลาดจีน และเกรดพรีเมียมส่งห้างสรรพสินค้าภายในประเทศ เช่น ท็อปส์ แม็คโคร และเดอะมอลล์ โดยผลผลิต เกรด A และ เกรด B ราคารับซื้อเหมาสวน อยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 115-130 บาท เกรด C กิโลกรัมละ 90 บาท และ เกรดรวม (คละไซซ์ทุกลูก) กิโลกรัมละ 120 บาท ในขณะที่ เกรดพรีเมียม กิโลกรัมละ 135-140 บาท ทั้งนี้ สำหรับผลผลิตตกเกรด ซึ่งส่วนใหญ่กระจายตลาดภายในประเทศ อยู่ที่กิโลกรัมละ 85 บาท

นอกจากนี้ เกษตรกร มีแนวโน้มการขายทุเรียนแบบออนไลน์ผ่าน Facebook และ Line มากขึ้น โดยมีการรับประกันคุณภาพและมีบริการจัดส่งผ่านบริษัทไปรษณีย์ไทย และบริษัท เคอรี่ จำกัด ทำให้เกษตรกรได้รับราคาจำหน่ายสูงกว่าตลาดทั่วไป และหากขายยกกล่องตามน้ำหนักสามารถคละเกรดในการจำหน่ายได้ด้วย รวมถึงการขายแบบเหมาต้นทุเรียนในสวนราคากิโลกรัมละ 150 บาททุกลูก เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีสหกรณ์การเกษตรหลายสหกรณ์ในภาคตะวันออกก็มีบทบาทสำคัญในการรวบรวมผลผลิตทุเรียนจากเกษตรกรสมาชิก เป็นตัวกลางในการซื้อขายผลผลิต และการคัดคุณภาพระหว่างเกษตรกร และบริษัทคู่ค้าด้วย บางสหกรณ์ยังมีห้องเย็นในการแปรรูปเป็นทุเรียนแช่แข็ง และแกะเปลือกส่งออกตลาดต่างประเทศ เช่น จีน และสหรัฐอเมริกา อีกทั้งสามารถรองรับผลผลิตที่ตกเกรดจากการส่งออกได้ โดยราคารับซื้ออยู่ที่ประมาณกิโลกรัมละ 50-60 บาท รวมไปถึงการรับจ้างบรรจุภัณฑ์ (Packing) และให้เช่าสถานที่ในการคัดบรรจุกับบริษัทส่งออก ซึ่งในอนาคต คาดว่า การส่งออกทุเรียนแช่แข็งจะสามารถขยายตลาดต่อไปได้อีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน