คลังพร้อมเข็นมาตรการพยุงเศรษฐกิจ ทุ่มหมื่นล้านดันจีดีพีโต 0.1% หลังอาการไม่ดี ปรับประมาณการเหลือ 3.8% ส่งออกหัวทิ่มเหลือ 3.4%

คลังเข็นมาตรการพยุงศก. – นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เสนอแพ็กเกจพยุงเศรษฐกิจให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 30 เม.ย. 2562 พิจารณา จะใช้วงเงินดำเนินการ ประมาณ 1 หมื่นกว่าล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะช่วยทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มได้ 0.1% โดยยืนยันว่าแพ็กเกจดังกล่าวไม่ใช่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่เป็นมาตรการพยุงเศรษฐกิจเท่านั้น ซึ่งเป็นผลมาจากสัญญาณเศรษฐกิจที่มีทิศทางชะลอตัว แต่ยังไม่มีปัญหา จึงยังไม่จำเป็นต้องใช้ยาแรงในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจในขณะนี้

“กระทรวงการคลังได้เสนอแพ็กเกจพยุงเศรษฐกิจให้ ครม. พิจารณาไปหมดแล้ว หลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่า ครม. จะพิจารณาดำเนินการอย่างไรบ้าง โดยยอมรับว่าในแต่ละส่วนของแพ็กเกจมีต้นทุนดำเนินการ ซึ่งมั่นใจว่าแพ็กเกจดังกล่าวนี้จะมีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้” นายลวรณ กล่าว

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยในปี 2562 เหลือ 3.8% จากคาดการณ์เดิมที่ 4% และปรับลดภาพรวมการส่งออกเหลือ 3.4% จากคาดการณ์เดิมที่ 4.5% ซึ่งเป็นผลมาจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจและการค้าโลก ซึ่งถือเป็นปัจจัยภายนอกประเทศที่เหนือการควบคุม พร้อมทั้งประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 จะขยายตัวได้ 3% และครึ่งปีหลังจะขยายตัวได้ 4.5-4.6%

สำหรับภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยในปีนี้ เชื่อว่ายังเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยประเมินว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย 40 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 38.3 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2.13 ล้านล้านบาท เนื่องจากการขยายระยะเวลามาตรการยกเลิกค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VOA) และการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงที่เหลือของปีนี้

โดยคาดการณ์ในปี 2562 การบริโภคภาคเอกชนจะขยายตัวที่ 4.2% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.3% การบริโภคภาครัฐ ขยายตัว 2% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 2.3% การลงทุนภาคเอกชน ขยายตัว 4.1% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 4.5% การลงทุนภาครัฐ ขยายตัว 4.6% ลดลงจากคาดการณ์เดิมที่ 5.3% จากการปรับแผนการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ 1.4% เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 1%

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2562 เหลือ 3.59% จากคาดการณ์เดิมที่ 3.75% สอดคล้องกับหลายหน่วยงาน อาทิ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ที่ได้มีการปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปีนี้ลงไปในช่วงก่อนหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจของหลายประเทศสำคัญ อาทิ สหรัฐ จีน ยุโรป และญี่ปุ่นเติบโตได้ต่ำกว่าคาดการณ์

รวมทั้งได้ปรับคาดการณ์แนวโน้มค่าเงินบาทของไทยในปีนี้ โดยมองว่าจะแข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ประมาณ 1% อยู่ที่ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากคาดการณ์เดิมที่ 31.67 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นผลมาจากความขัดแย้งทางด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทิศทางเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของสหรัฐ โดยประเมินว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะไม่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเมือง และการเคลื่อนย้ายเงินทุน

สำหรับคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อยู่ที่ 68 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ 63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากการคว่ำบาตรของสหรัฐ กับอิหร่านแบบเต็มรูปแบบ (Full Sanctions) ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน รวมถึงการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก

อย่างไรก็ดี ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 1/2562 อาจมีสัญญาณแผ่วตัวลงจากอุปสงค์ภายนอกเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นผลให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวติดลบ 1.6% ขณะที่การนำเข้า ขยายตัวติดลบ 1.2% ส่วนอุปสงค์ในประเทศยังสามารถขยายตัวได้ โดยเฉพาะด้านการบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน