เตรียมเรียกทูตพาณิชย์ถกรับปรับแผนการค้ารับเทรดวอร์ สิ้นเดือนพ.ค.นี้ – ลั่นทูตพาณิชย์จะต้องทำงานหนักขึ้นเพราะคาดว่าประเทศผู้ส่งออกหลายประเทศก็จะช่วงชิงความได้เปรียบ
เรียกทูตพาณิชย์ถกรับมือสงคราม – น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร รมช.พาณิชย์ และรักษาการรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า จากการวิเคราะห์ผลกระทบจากสงครามการค้าในปี 2561 พบว่าทำให้ไทยส่งออกได้ลดลง 0.3% หรือ 779 ล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดส่งออกรวมกว่า 225,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในตลาดจีน ไทยส่งออกไปจีนลดลง 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้น 1.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีส่วนต่างอยู่ประมาณ 2,000 เหรียญสหรัฐ ซึ่งช่องว่างดังกล่าว มองว่าสินค้าไทยยังมีศักยภาพที่จะสามารถเจาะตลาดได้เพิ่ม โดยเฉพาะการส่งสินค้าไทยเข้าทดแทนสินค้าจากจีน ในตลาดสหรัฐ
สำหรับ การเจรจาระหว่างจีนกับสหรัฐ ล่าสุดที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ กระทรวงพาณิชย์จะติดตามและนำผลสรุปไปปรับแผน และประเมินทิศทางการส่งออก ในการประชุมทูตพาณิชย์ทั่วโลกที่จะเกิดขึ้นปลายเดือนพ.ค.นี้ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ พร้อมรับมือสถานการณ์การค้าโลกที่มีความผันผวน ซึ่งทูตพาณิชย์จะต้องทำงานหนักขึ้น เพราะคาดว่าประเทศผู้ส่งออกหลายประเทศก็จะแข่งขันกันช่วงชิงความได้เปรียบภายใต้ความขัดแย้งของสงครามการค้าอย่างรุนแรง
ทั้งนี้ ผลของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้การส่งออกไปสหรัฐ ลดลงในกลุ่มที่โดนขึ้นภาษี 316.5 ล้านเหรียญ คือ โซลาร์เซลล์ เครื่องซักผ้า เหล็ก ส่วนอลูมิเนียมแม้จะโดนภาษีแต่ส่งออกได้เพิ่มขึ้น ส่วนกลุ่มที่เป็นสินค้าส่งออกไปจีน ที่อยู่ใน supply chain ลดลงคิดเป็นมูลค่า 1,101 ล้านเหรียญ เช่น ยานพาหนะและส่วนประกอบ ของใช้ในบ้าน/ออฟฟิศ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์และแผงวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักกล มีอาหารปรุงแต่งที่ขยายตัว
กลุ่มที่เป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปทดแทนจีนในสหรัฐ มีมูลค่าเพิ่มขึ้น 637 ล้านเหรียญ เช่น ยานพาหนะและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องประดับ ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์และวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องจักรและส่วนประกอบและอาหารปรุงแต่งและเครื่องดื่มสินค้าที่ไทยมีโอกาสทดแทนสินค้าสหรัฐ ในจีน เพิ่มเติม หากมีการขึ้นภาษีเป็น 25% กลุ่มสินค้าเกษตร เช่น เนื้อสัตว์ ปลาและอาหารทะเล ผลไม้ กาแฟ ชา ไขมัน ของปรุงแต่ง (ซอสต่างๆ) เครื่องดื่ม น้ำตาลและขนมทำจากน้ำตาล เป็นต้น
ทั้งนี้ ทางกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จะเร่งขยายตลาดในจีนต่อไป ตามนโยบายรุกเมืองรองของกระทรวงฯ
