‘สมคิด’ ชี้การเมืองยังไม่ลงตัว ห่วงนักลงทุนทั้งไทย-ต่างประเทศ ชะลอการลงทุน เพราะไม่มีนักธุรกิจคนไหนโง่พอที่จะลงทุนจำนวนมากในช่วงที่ไม่รู้ประเทศจะเป็นอย่างไร ข้าราชการก็รีรอด้วย

‘สมคิด’ ชี้การเมืองยังไม่ลงตัว – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Exponential Manufacturing Thailand ซึ่งสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) จัดขึ้น ว่า ปัจจุบันประเทศไทยต้องการคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานเพื่อประเทศมากขึ้น การจัดงานครั้งนี้จึงนับเป็นเรื่องดีที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยและนักธุรกิจใหม่รับรู้การเปลี่ยนแปลงตัวเอง รองรับเทคโนโลยีใหม่ด้วย เพราะยอมรับขณะนี้เศรษฐกิจไทยกำลังชะลอตัว เพราะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ

ทั้งนี้ สถานการณ์ดังกล่าวอาจพัฒนาไปสู่ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศที่ทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะภาคการส่งออกไทยที่น่าเป็นห่วง เพราะถูกกระทบทั้งปัจจัยภายนอก และปัจจัยภายในคือการเมืองในประเทศ แต่เชื่อว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง และอยู่ในระดับดีสามารถพยุงสภาวะเศรษฐกิจให้เดินหน้าต่อได้อีกระยะหนึ่ง จนกว่าการเมืองไทยจะมีความชัดเจนมากขึ้น และทำให้ทุกอย่างดีขึ้นตามไปด้วย

“ขณะนี้อยากให้สถานการณ์การเมืองในประเทศมีความชัดเจนโดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เศรษฐกิจได้รับผล กระทบมาก และไม่ว่าพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาลก็ตาม ไม่ต้องกังวล เพราะเชื่อว่าทุกรัฐบาลรู้อยู่แล้วว่าต้องรับผิดชอบเรื่องอะไรบ้าง มันเป็นความเป็นความตายของคนในประเทศ แต่เมื่อตอนนี้การเมืองยังไม่ลงตัว คนที่ห่วงที่สุดไม่ใช่คนไทย แต่คือนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่ชะลอการลงทุน เพราะไม่มีนักธุรกิจคนไหนโง่พอที่จะลงทุนจำนวนมากในช่วงที่ไม่รู้ประเทศจะเป็นอย่างไร ข้าราชการก็รีรอด้วย อีกทั้งยังเกิดสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่มีแนวโน้มยืดเยื้อส่งผลกระทบทั่วโลก และมองว่าไม่น่าจะส่งผลดีต่อไทย”นายสมคิด กล่าว”

นายสมคิด กล่าวว่า อยากให้ภาคอุตสาหกรรมไทยยกระดับและพัฒนาสินค้าเกษตร และสินค้าใหม่ๆ มากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาปรับเปลี่ยนช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าไทยเป็นที่ต้องการของทั่วโลก เพื่อผลักดันการส่งออกที่มีสัดส่วน 70% ของอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ทั้งประเทศที่พึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก รวมทั้งต้องการให้ปรับโฉมเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ทำให้ไทยยังอยู่ในจุดที่น่าสนใจลงทุนของนักลงทุน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ในการคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ (กรอ.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตี เป็นประธาน วันที่ 22 พ.ค.นี้ ส.อ.ท. จะเสนอแนวทางการพัฒนาบุคลากรเฉพาะทาง อาทิ วิศวกร/ช่างเทคนิคที่ต้องใช้ทักษะฝีมือเฉพาะด้าน รองรับภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยเฉพาะการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและอุตสาหกรรมใหม่

นอกจากนี้ จะรายงานภาพรวมเศรษฐกิจให้ที่ประชุม กรอ. รับทราบ พร้อมนำเสนอแนวทางผลักดันและพลิกโฉมภาคอุตสาหกรรมไทย โดยภาครัฐควรกำหนดหลักเกณฑ์ให้หน่วยงานราชการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าที่ผู้ประกอบการไทยผลิตขึ้นเองในประเทศเมด อิน ไทยแลนด์ เพื่อส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมไทยด้วยกันเอง ช่วยลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า

อย่างไรก็ตาม แม้จะยอมรับว่าขณะนี้ต่างชาติยังคงจับตามองสถานการณ์การเมืองภายในของไทยว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางไหน แต่หากไทยสามารถสร้างความแข็งแกร่งในประเทศได้ โดยภาคเอกชนโดย เฉพาะเอสเอ็มอีต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลง ส.อ.ท. เชื่อว่าจะทำให้ต่างชาติเกิดความเข้าใจและยังคงเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยมากขึ้น พร้อมตัดสินใจเข้ามาลงทุนแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน