กนอ.ประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก’62 โต 5.25% มั่นใจอีอีซีดันยอดขาย-เช่าที่ดินเข้าเป้า 3,500 ไร่ – ประเทศที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์

กนอ.โชว์ผลประกอบการโต5.25% – น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนของปีงบประมาณ 2562 (ต.ค. 2561-มี.ค. 2562) กนอ. มียอดขาย/เช่าพื้นที่นิคมฯ 1,339 ไร่ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน (ต.ค. 2560-มี.ค. 2561) 525 ไร่ คิดเป็น 5.25% มูลค่าลงทุนรวม 8,593 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าวเป็นพื้นที่นิคมฯในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ถึง 1,328 ไร่ นิคมฯนอกพื้นที่อีอีซี 11 ไร่ และก่อให้เกิดการจ้างงานในพื้นที่เพิ่มอีก ประมาณ 1,585 คน

“จากการเร่งขับเคลื่อนโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่อีอีซี ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาท่าเรือฯมาบตาพุด ระยะที่ 3 (ช่วงที่ 1) โครงการรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบิน และโครงการอื่นๆ เป็นต้น ขณะนี้เริ่มเห็นความชัดเจนเป็นรูปธรรม รวมทั้งมาตรการต่างๆ ที่รัฐส่งเสริมการลงทุน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมาย และปัจจัยจากต่างประเทศที่หนุนการลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นจากกรณีที่สหรัฐประกาศปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนในรอบ 2 ทำให้ภาวะการค้ามีความรุนแรงขึ้นเป็นแรงกระตุ้นให้นักลงทุนจีนตัดสินใจที่จะออกไปลงทุนต่างประเทศเร็วขึ้น ซึ่งไทยถือเป็นประเทศเป้าหมาย และมั่นใจว่าจะส่งผลดีให้ยอดขายและเช่าที่ดินทั้งปีของ กนอ. เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้อยู่ที่ 3,500 ไร่”น.ส.สมจิณณ์กล่าว

สำหรับทิศทางการลงทุนที่นักลงทุนจะเข้ามาซื้อและเช่าพื้นที่ในช่วงครึ่งปีหลัง 2562 กนอ. คาดว่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการต่างๆ กระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมที่เชื่อมโยงเส้นทางการค้าการลงทุนเต็มรูปแบบมากขึ้น รวมทั้งการจัดตั้งรัฐบาลที่จะได้ข้อสรุปและการประกาศนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะต่อไป

สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมที่ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในนิคมฯ ไทยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา 5 อันดับแรก ได้แก่ กลุ่มอุตสาหกรรมคลังสินค้า อุตสาหกรรมยาง พลาสติกและหนังเทียม อุตสาหกรรมยานยนต์ และการขนส่ง อุตสาหกรรมเครื่องยนต์ เครื่องจักร และอะไหล่ และ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องมือวิทยาศาสตร์ และประเทศที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน ไต้หวัน สิงคโปร์ และเนเธอร์แลนด์

น.ส.สมจิณณ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน กนอ. มีศักยภาพพร้อมรองรับการลงทุน ทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ครบถ้วน อีกทั้งยังให้ความสำคัญเรื่องการให้บริการนักลงทุนแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการติดต่อกับหน่วยงานราชาการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการขอใบอนุญาต/การขออนุมัติผ่านศูนย์ให้บริการของ กนอ. โดยศูนย์บริการเบ็ดเสร็จครบวงจร (Total Solution Center:TSC) ช่วยสร้างขีดความสามารถผู้ประกอบการได้จริง

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมการลงทุนในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กนอ. ทั้งนิคมฯบริหารงานเอง และนิคมฯร่วมดำเนินงานปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 55 แห่ง และ 1 ท่าเรืออุตสาหกรรม ในพื้นที่ 16 จังหวัดทั่วประเทศ และโครงการจัดตั้งนิคมฯ อีก 6 แห่ง ได้แก่ 1. นิคมฯคอสมิก จ.ระยอง 2. นิคมฯบ่อทอง 33 จ.ปราจีนบุรี 3. นิคมฯโรจนะแหลมฉบัง จ.ชลบุรี 4. นิคมฯเวิลด์ ฟู๊ด วัลเลย์ ไทยแลนด์ จ.อ่างทอง 5. นิคมฯ ซีพีจีซี จ.ระยอง 6. นิคมฯ แพรกษา จ.สมุทรปราการ รวมพื้นที่ทั้งสิ้นประมาณ 165,608 ไร่ เป็นพื้นที่สำหรับขาย/เช่า ประมาณ 109,884 ไร่ โดยปัจจุบันดำเนินการขาย/เช่าแล้วทั้งสิ้น 90,222 ไร่ เหลือพื้นที่ประมาณ 19,662 ไร่ มูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 3,827,908 ล้านล้านบาท มีการจ้างงานรวมทั้งสิ้นประมาณ 479,583 คน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน