กระทรวงพลังงานเปิดฉาก! มหกรรมนวัตกรรมพลังงานทดแทน รองรับไทยใช้โซลาร์ฯ 2 หมื่นเมกะวัตต์ ใน 20 ปีข้างหน้า
เปิดฉาก! มหกรรมนวัตกรรมพลังงาน – นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ รมว.พลังงาน กล่าวในโอกาสเป็นประธานเปิดงาน ASEAN Sustainable Energy Week (ASE) 2019 ซึ่งยูบีเอ็มร่วมกับภาคีเครือข่ายภาครัฐ-เอกชน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 มิ.ย. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทคบางนา ว่า งานนี้จัดคู่ขนานกับอีก 3 งานใหญ่ เพื่อรวบรวมนวัตกรรม เทคโนโลยี ที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า ยานยนต์ไฟฟ้าจากผู้ประกอบการ 45 ประเทศ อาทิ จีน อินเดีย เยอรมนี ญี่ปุ่น เกาหลี สวิตเซอร์แลนด์ ไต้หวัน มาร่วมจัดแสดง
ทั้งนี้ ประกอบด้วยงานปั๊มแอนด์วาล์ว เอเชีย 2019 ที่รวบรวมรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 100% จำนวนมากที่สุดจากค่ายรถยนต์ไฟฟ้าชั้นนำของไทยและเป็นรุ่นยอดนิยมที่เปิดตัวจำหน่ายในไทยแล้ว อาทิ รถ BMWi3s, BYD e6, FOMM One, NISSAN Leas, Hyundai Kona Electric และ Hyundai IONIQ Electric งาน Electric Vehicle Asia 2019 และงานไทยวอเตอร์ เอ็กซ์โป 2019 ที่จัดแสดงอุปกรณ์และเทคโนโลยีเกี่ยวกับการบริหารจัดการน้ำจากกว่า 1,000 ยี่ห้อชั้นนำจาก 35 ประเทศทั่วโลก
การจัดงานปีนี้เน้นการจัดแสดงเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน ทั้งเทคโนโลยีลม เทคโนโลยีชีวมวล ก๊าซพลังงานชีวภาพระบบแปรเปลี่ยนขยะเป็นพลังงาน การจัดเก็บพลังงาน การจัดการพลังงานแสงสว่าง ศูนย์รวบรวมข้อมูล การควบคุมมลภาวะทางอากาศ การบำบัดน้ำเสียและน้ำบริสุทธิ์ อุปกรณ์ชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า โดยสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าได้นำรถยนต์ไฟฟ้ามาให้ประชาชนที่เข้าชมงานสามารถทดลองขับได้
“งานนี้มีส่วนช่วยส่งเสริมให้เกิดการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานได้อย่างมาก เช่น พลังงานไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) ซึ่งปัจจุบันเทคโนโลยีของแผงโซลาร์เซลล์และระบบการเก็บพลังงานมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและราคาถูกลง สอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี) 2018 ในระยะ 20 ปีข้างหน้าที่กำหนดให้มีการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์เพิ่มขึ้น 20-30% หรือประมาณ 15,000-20,000 เมกกะวัตต์ จากปัจจุบันสามารถผลิตได้ประมาณ 3,500 เมกะวัตต์”
สำหรับความคืบหน้าการเปิดรับสมัครประชาชนผู้สนใจเข้าร่วมโครงการ “โซลาร์ภาคประชาชน” กำลังการผลิตติดตั้งครัวเรือนละไม่เกิน 10 กิโลวัตต์ อัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่ 1.68 บาทต่อหน่วย ระยะเวลารับซื้อไฟฟ้ารวม 10 ปี รวมทั้งสิ้น 1,000 เมกะวัตต์นั้น ขณะนี้มีผู้สนใจเข้าโครงการแล้ว 1,000-1,200 ราย มั่นใจว่าจนถึงสิ้นปีนี้จะมีผู้สนใจเข้าโครงการ 15,000 ราย ตามที่คาดการณ์ไว้
