พาณิชย์จี้รัฐบาลออกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อหมู-ผลิตภัณฑ์แปรรูป ป้องกันโรคระบาดหวั่นลามเข้าไทยจนผู้บริโภคต้องซื้อหมูแพงโลละ 300 บาท ห่วงหิ้วแหนม-กุนเชียงจากเพื่อนบ้านมากสุด

จี้รัฐคุมเข้มหิ้วแหนม-กุนเชียง – นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ต้องการเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งออกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากหมู หรือออกมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้มีการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากในปัจจุบันมีโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (เอเอสเอฟ) ได้ระบาดในหลายประเทศโดยเฉพาะจีน เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้าน ดังนั้นหาก เชื้อเอเอสเอฟ เข้ามาระบาดในไทยเชื่อว่าไม่นานผู้บริโภคคนไทยได้รับความเดือดร้อนแน่นอน และอาจต้องซื้อเนื้อหมูในราคาแพงมาก หรือประมาณ 300 บาทต่อก.ก. เหมือนกับประเทศจีนได้

ทั้งนี้ผลกระทบดังกล่าวนอกจากจะทำให้เนื้อหมูราคาแพงแล้ว ยังทำให้อาหารตามสั่ง ก๋วยเตี๋ยว ที่มีส่วนประกอบของเนื้อหมูต้องปรับราคาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย และที่สำคัญจะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และมันสำปะหลัง ได้รับความเดือดร้อนด้วย เพราะพืชเกษตรทั้งสองประเภทถือเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตอาหารหมู

“เรื่องของการนำเข้าเนื้อหมูสดๆ นั้นคงไม่น่าห่วงเท่าไหร่เชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้มงวดเป็นอย่างดี แต่ที่น่าห่วงคือเนื้อหมูแปรรูป เช่น กุนเชียง แหนม และอื่นๆ ที่ชาวบ้านหิ้วมาจากการไปท่องเที่ยวในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสปป.ลาว กัมพูชา เมียนมา เป็นต้น เข้ามาบริโภคในไทย หรือซื้อฝากญาติพี่น้อง เพราะการแปรรูปบางอย่างไม่สามารถทำลายเชื้อเอเอสเอฟได้”

สำหรับโรดเอเอสเอฟนั้นพบว่าในปัจจุบันประเทศจีนค่อนข้างได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดและต้องทำลายสุกรไปประมาณ 40 ล้านตัว ขณะที่เวียดนามก็ได้พบเชื้อดังกล่าวในหลายฟาร์มแล้วเช่นกัน ขณะที่ประเทศไทยยังไม่พบกรณีดังกล่าว จึงส่งผลให้ไทยมีการส่งออกเนื้อหมูไปตลาดต่างๆ เพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนหมูของเวียดนามและจีนที่ถูกทำลายไป

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาเนื้อหมูในประเทศนั้นที่ผ่านมากรมฯ ได้มีข้อตกลงกับสมาคมผู้เลี้ยงหมูแห่งชาติว่า หากราคาหน้าฟาร์มเฉลี่ยเกิน 75 บาทต่อก.ก. และราคาเนื้อแดงขายปลีกเกิน 150 บาทต่อก.ก. ทางกรมฯ จำต้องออกมาตรการควบคุมราคาไม่เกิน และออกมาตรการห้ามส่งออกหมูเช่นกัน เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคในประเทศต้องได้รับความเดือนจากการบริโภคเนื้อหมูแพง โดยปัจจุบันพบว่าต้นทุนของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูจะอยู่ที่ 60 บาทต่อก.ก.

ก่อนหน้านี้นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยได้ร่วมมือกันในการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคเอเอสเอฟ ด้วยการเพิ่มมาตรการการป้องกันและการตรวจสอบการนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะด่านชายแดนทางภาคเหนือที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษจากกลุ่มนักท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติ เพื่อไม่ให้สร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมการเลี้ยงหมูและกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มีต่อหมูไทยได้

สำหรับสถิติการส่งออกหมูมีชีวิต เนื้อหมูและผลิตภัณฑ์ ในช่วงดือนม.ค.-ธ.ค. 2561 พบว่ามีส่งออกหมูมีชีวิต 815,385 ตัว มูลค่า 3,184.90 ล้านบาท ส่งออกไปกัมพูชาเป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 74% รองลงมา ได้แก่ ลาว 17% และเมียนมา 9% ของมูลค่าการส่งออก มีการส่งออกเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์รวมทั้งสิ้น 15,471.6 ตัน มูลค่า 2,325.7 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน