พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ได้เรียกทูตเกษตรจากทั่วโลกรับนโยบายการขับเคลื่อนภารกิจด้านการเกษตรต่างประเทศภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ภายใต้นโยบายประเทศไทย 4.0 ภาคเกษตรต้องปรับตัว ทุกสาขาทั้ง พืช ผัก ผลไม้ ไม้ดอก ไม้ประดับ อาหารแปรรูป ประมง ปศุสัตว์และได้รับฟังสถานการณ์ด้านการเกษตรในต่างประเทศที่สำคัญและแนวทางดำเนินงานจากผู้แทนถาวรไทย (ฝ่ายการเกษตร) ประจำองค์การการค้าโลกและองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายการเกษตร) และกงสุลฝ่ายการเกษตร จากสำนักงานในต่างประเทศที่ปัจจุบันมีทั้งหมด 11 แห่ง ใน 8 ประเทศ

ประกอบด้วย สำนักที่ปรึกษาฝ่ายการเกษตร 7 แห่ง ได้แก่ กรุงโรม สหภาพยุโรป กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. กรุงโตเกียว กรุงปักกิ่ง กรุงจาการ์ตา และกรุงแคนเบอร์รา กงสุลฝ่ายการเกษตร ประจำสำนักกงสุลใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ นครกว่างโจว นครเซี่ยงไฮ้ และนครลอสแอนเจลิส และ ฝ่ายการเกษตรประจำสำนักเอกอัครราชทูต 1 แห่ง ณ กรุงมอสโก

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวว่ากระทรวงเกษตรฯ ให้ความสำคัญอย่างมากในเรื่องการเตรียมความพร้อมเพื่อป้องกันและแก้ไขอุปสรรคทางการค้าสินค้าเกษตรที่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาอุปสรรคทางด้านการค้าที่มิใช่ภาษี ปัญหาข้อกำหนดด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช รวมถึงการกำหนดมาตรฐานสินค้าเกษตร ที่มีความรุนแรงและความเข้มข้นมากขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรม เพื่อแสวงหาความร่วมมือระหว่างกัน ทั้งด้านการค้า การลงทุน การแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยี และการพัฒนาบุคลากรด้านการเกษตร เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้กับสินค้าเกษตรของไทย โดยขณะนี้กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดทำยุทธศาสตร์การเกษตรต่างประเทศระยะ 5 ปี (2560-2564) ใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรและอาหารของไทย2.การเสริมสร้างความร่วมมือแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์กับต่างประเทศองค์กรระหว่างประเทศ และ 3.การพัฒนาศักยภาพความพร้อมของหน่วยงานด้านการเกษตรต่างประเทศของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

“การเรียกประชุมทูตเกษตรที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทั่วโลกในครั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร จะได้ร่วมกำหนดแนวทางกรอบการดำเนินงาน และพร้อมกันขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อมุ่งสู่ความสำเร็จของสินค้าเกษตรไทยในตลาดโลก ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และเศรษฐกิจฐานรากของไทย เนื่องจากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ ในต่างประเทศจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการสืบค้นข้อมูลเชิงลึก และรายงานข้อมูลความเคลื่อนไหวด้านนโยบาย กฎ ระเบียบ มาตรการที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเกษตรของประเทศคู่ค้าที่จะส่งผลกระทบต่อสินค้าเกษตรไทย”รมว.เกษตร กล่าว

พล.อ.ฉัตรชัย กล่าวอีกว่านอกจากนี้ให้ดูความเคลื่อนไหวของประเทศคู่แข่งทางการค้าสินค้าเกษตรของไทยในประเทศเป้าหมายต่างๆ ซึ่งทำให้ไทยสามารถเตรียมการรองรับ และบรรเทาผลกระทบทางลบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อการผลิตสินค้าเกษตรของไทยที่จะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจาก นโยบายและมาตรการต่างๆ ของประเทศคู่ค้า รวมถึงการเจรจา และติดตามการแก้ไขปัญหา และอำนวยความสะดวกทางการสินค้าเกษตรของไทยในประเทศที่ประจำการที่สำคัญของไทย เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น จีน เป็นต้น รวมทั้งดำเนินการเปิดตลาดสินค้าเกษตรของไทยเพิ่มขึ้น และแสวงหาตลาดใหม่ โดยในรอบปีที่ผ่านมามีผลการดำเนินงานที่ไทยสามารถเปิดตลาดสินค้าเกษตรได้ในหลายๆ ประเทศ เช่น การเปิดตลาดมะม่วงพันธุ์เขียวเสวย และน้ำดอกไม้ไปยังประเทศญี่ปุ่น การส่งออกไก่สดไปเกาหลีใต้ และสิงคโปร์ การเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหา ไอยูยู กับสหภาพยุโรป เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน