ครม.รับทราบ แผนฟื้นฟูขสมก. รับโอนหนี้ 1.18 แสนล้าน เตรียมกู้เงิน 6 พันล้าน โละพนักงาน 5 พันคน
วันที่ 25 มิ.ย. นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบแผนฟื้นฟูกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยให้กระทรวงคมนาคมและขสมก. ปรับปรุงระบบการทำงานขององค์กรที่ให้มีประสิทธิภาพและเพิ่มความสามารถในการหารายได้และการบริหารจัดการหนี้ซึ่งจะนำไปสู่การบริหารองค์กรที่ยั่งยืนและลดภาระรัฐบาล โดย ครม.รับทราบแผนฟื้นฟูที่จะโอนหนี้สินสะสม 1.18 แสนล้านบาทให้รัฐบาลดูแล
ทั้งนี้จะเน้นการปรับปรุงเส้นทางการเดินรถ เพื่อเชื่อมต่อเส้นทางกับระบบขนส่งอื่นๆให้มีบริการเส้นทางที่ผ่านการท่องเที่ยว สามารถบริหารจัดการองค์กรให้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ลดจำนวนบุคลากร โดยดำเนินโครงสร้างเกษียณอายุก่อนกำหนด เพื่อปรับโครงสร้างพนักงานประมาณ 5,000 คน โดยการกู้เงิน 6,000 ล้านบาทในการชดเชย พนักงานที่จะเข้าร่วมโครงการ จากปัจจุบันมีพนักงาน 13,500 คน คิดเป็นสัดส่วน 5.14 คนต่อรถ 1 คัน หลังมีโครงการแล้ว สัดส่วน พนักงานจะเหลือ 2.75 คนต่อรถ 1 คัน
ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
สำหรับสาระของแผนฟื้นฟู ที่ผ่านการประชุมของ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจเมื่อวันที่ 15 พ.ค.2562 มีวัตถุประสงค์เพื่อปรับปรุงระบบการทำงานให้มีประสิทธิภาพ โดยใช้รถใหม่และเทคโนโลยีที่ทันสมัย, จัดหารถโดยสารใหม่ และปรับปรุงสภาพรถเดิม
เพราะปัจจุบัน ขสมก.มีรถอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป ส่งผลต่อภาระการซ่อมบำรุง โดยจะมีการซื้อรถ NGV ปรับปรุงรถ NGV เดิม ซื้อรถไฮบริด รถ EV เช่ารถโดยสารใหม่ ,การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ เช่น ติดตั้งระบบ E–Ticket ชำระค่าโดยสารด้วย QR–Code ติดตั้งระบบ GPS ให้บริการ WIFI บนรถ
มีการการปรับปรุงเส้นทางเดินรถ เช่น เชื่อมต่อเส้นทางกับระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ ให้บริการเส้นทางที่ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญ เพื่อให้ ขสมก. สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ลดภาระกับภาครัฐ โดยลดค่าซ่อมบำรุงและค่าเชื้อเพลิง เช่น จัดหารถใหม่ให้ได้ตามแผน, เพื่อลดค่าซ่อมบำรุง และจัดหารถที่ใช้เชื้อเพลิงอื่นแทนน้ำมันดีเซล เพิ่มรายได้
เช่น พัฒนาพื้นที่อู่บางเขนเป็นศูนย์การค้า โรงแรมระดับบน และพื้นที่อู่มีนบุรีเป็นตลาด, การบริหารหนี้สิน และ หาก ขสมก.สามารถดำเนินการได้ตามแผนฟื้นฟูดังกล่าวจะทำให้กำไรจากการดำเนินการ (EBITDAX เป็นบวกได้ตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นไป
