นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยในงานครบรอบ 36 ปี สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ถือว่าเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญมากที่สุดในระบบเศรษฐกิจเพราะมีความเชื่อมโยงกับธุรกิจมากมาย ตั้งแต่วัสดุก่อสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ รวมไปถึงสถาบันการเงินที่ปล่อยกู้โครงการและสินเชื่อรายย่อย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าที่ผ่านมาทุกรัฐบาลจึงให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจอสังหาฯ มาโดยตลอด เช่น ในปี 2559 รัฐบาลได้ออกมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาฯ จึงทำให้มีการหมุนเวียนของสต๊อกสินค้า ทำให้ภาคธุรกิจอสังหาฯ ปรับตัวดีขึ้น

ขณะเดียวกันในบางช่วงที่ภาคอสังหาฯตกต่ำ รัฐบาลก็เข้าช่วยเหลือด้วยการให้ประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มระดับกลางได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองมากขึ้น ส่วนผู้มีรายได้น้อยยังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ รัฐบาลก็ได้มีโครงการบ้านประชารัฐเกิดขึ้น เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อย มีที่อยู่อาศัยที่ดีขึ้นเช่นกัน จึงได้มีการขอความร่วมมือจากภาคเอกชนเพื่อผลักดันให้โครงการดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ที่ผ่านมาก็ยังไม่รับการตอบสนองจากผู้ประกอบการอสังหาฯ เท่าที่ควร

นอกจากนี้ ยังมีอีกกลุ่มที่ยังขาดแคลนที่อยู่อาศัย คือกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งส่วนใหญ่ที่ผ่านมาจะได้รับการดูแลจากลูกหลาน แต่ด้วยสภาพสังคมที่เปลี่ยนไป ส่งผลให้ในปัจจุบันผู้สูงอายุมีลูกหลานที่ดูแลน้อยลง ซึ่งกระทรวงการคลังพยายามที่จะผลักดันให้เกิดที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยมากขึ้น ซึ่งกรมธนารักษ์ กำลังเข้าไปร่วมมือกับโรงพยาบาลต่างๆ เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ล่าสุดได้ร่วมมือกับโรงพยาบาลรามาธิบดี จัดสร้างซีเนียร์คอมเพล็กซ์ เพื่อดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ

นายอภิศักดิ์ ยังได้กล่าวถึงโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี และระยอง ว่า รัฐบาลต้องการส่งเสริมเขตดังกล่าวเพื่อทดแทนอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ใช้มา 20 ปีแล้ว โดยพยายามนำ 10 ภาคอุตสาหกรรมใหม่ใส่เข้าไปในเขตอีอีซี ด้วยการให้สิทธิพิเศษด้านภาษี เพื่อทำให้ชาวต่างชาติเข้าไปลงทุน ซึ่งจะทำให้มีความต้องการที่อยู่อาศัยมากขึ้น

สำหรับกฎหมายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฯ เมื่อผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ต้องนำเข้าสภานิติบัญญัติ ซึ่งหลายฝ่ายอยากให้กฎหมายดังกล่าวสำเร็จภายในรัฐบาลปัจจุบันและเป็นพื้นฐานสำหรับภาษีของท้องถิ่น เชื่อว่าจะทำให้มีรายได้ภาษีเพิ่มขึ้น 60,000 ล้านบาท จากเดิมที่เก็บได้ 20,000 ล้านบาท ประกอบกับวัตถุประสงค์ของกฎหมายอยากให้ผู้ที่ครอบครองที่ดินจำนวนมาก นำที่ดินออกมาใช้ เพื่อสร้างสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ หรือชุมชนโดยกฎหมายดังกล่าวจะให้อำนาจองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) สามารถปรับอัตราได้ เพราะมีเพดานสูงสุดตั้งไว้ นอกจากนี้ กฎหมายดังกล่าวยังจะเปิดลดหย่อนให้โรงเรียนเอกชนได้ถึง 90% ส่วนบ้านจัดสรรที่ซื้อที่ดินรอการพัฒนาจะให้เวลา 3 ปีสามารถลดหย่อนได้ 90% เช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ในส่วนของกฎหมายสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ของชาวต่างชาติ กระทรวงคลัง อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล ในการให้ชาวต่างชาติใช้สิทธิ์และเป็นเจ้าของได้ถึง 50 ปี แต่สุดท้ายคนไทยก็ยังสามารถเป็นเจ้าของที่ดิน ซึ่งแนวคิดดังกล่าวจะทำให้ภาคอสังหาฯ กลับมาบูมอีกรอบ เพราะจะมีความต้องการไม่ใช่เฉพาะในประเทศเท่านั้น แต่จะมาจากทั่วโลก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน