นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า พ.ร.บ. สรรพสามิต พ.ศ. 2560 ได้ประกาศลงราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2560 ที่ผ่านมา และจะมีผลบังคับเก็บอัตราภาษีใหม่อีก 180 วัน หรือ วันที่ 16 ก.ย. 2560 ซึ่งมีการเปลี่ยนฐานราคาเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงานหรือราคาสำแดงนำเข้า มาเป็นราคาขายปลีกแนะนำ ซึ่งจะมีการกำหนดอัตราภาษีที่เก็บใหม่ทุกรายการสินค้า บนพื้นฐานอัตราภาษีใหม่จะต้องไม่ทำให้ภาระภาษีของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากที่เสียเดิม

นายสมชาย กล่าวว่า ในกฎหมายยังได้กำหนดอัตราเพดานภาษีแต่ละสินค้า ซึ่งยังไม่ใช่อัตราที่เก็บจริง โดยอัตราเพดานภาษีที่กำหนดใหม่ได้กำหนดรองรับไว้ในอีก 20 ปีข้างหน้า ซึ่งการเก็บภาษีภายใต้กฎหมายใหม่จะทำให้การเก็บภาษีเป็นธรรม โปร่งใส เป็นสากล และลดการใช้ดุลพินิจของเจ้าหน้าที่

“อัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริง จะถูกกำหนดไว้ในกฎหมายลำดับรอง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา โดยอัตราภาษีที่จะจัดเก็บจริงนั้นจะลดลง เนื่องจากเพดานในกฎหมายนั้นกำหนดไว้สูงเพราะมองถึงอนาคตอีก 20 ปี ซึ่งการกำหนดอัตราจัดเก็บภาษีจริงในหลักการจะอ้างอิงจากภาระภาษีที่จัดเก็บอยู่ในปัจจุบัน เพื่อไม่ให้กระทบต่อผู้บริโภคและผู้ประกอบการ”นายสมชาย กล่าว

นายสมชาย กล่าวว่า หลังจากนี้ กรมฯ จะประชุมชี้แจงกับภาคเอกชน สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย รวมถึงหอการค้าต่างประเทศในไทย และจะจัดพิมพ์พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ทั้งภาษีไทยและอังกฤษเพื่อแจกจ่ายให้แก่เอกชนและผู้ที่สนใจ เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายฉบับใหม่ต่อไป

สำหรับการเก็บภาษีของกรมสรรพสามิต ปีงบประมาณ 2560 คาดว่าจะได้ตามเป้าหมาย 5.55 แสนล้านบาท หลังจากที่การเก็บภาษีในช่วง 6 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2560 เกินกว่าเป้าหมายกว่า 1,000 ล้านบาท เฉพาะในเดือนมี.ค. เพียงเดือนเดียวสามารถจัดเก็บรายได้เกินกว่าเป้าหมายแล้ว 4,000 ล้านบาท เพราะการบริโภคเบียร์ และเครื่องดื่มต่างๆ ขยายตัวตามฤดูกาล นอกจากนี้ สถานการณ์รถยนต์ยอดขายก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น มีทั้งจากมอเตอร์โชว์ และในปีนี้คาดว่ายอดขายรถยนต์ก็ยังจะสูงขึ้นมาที่ 8 แสนคัน จากปีที่ผ่านมา 7.9 แสนคัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน