‘สมคิด’ การันตีทีมเศรษฐกิจพรรคร่วมทำงานคล่อง สุดแรงยื้อจีดีพีปีนี้โตแค่ 3% สั่งแบงก์ชาติคุมค่าบาทแข็งโป๊ก – ชี้ถ้าประเทศไม่ดีจริง เงินลงทุนคงไม่ไหลเข้ามา

‘สมคิด’ การันตีทีมเศรษฐกิจ – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ไม่อยากให้ทุกฝ่ายกังวลเกินกว่าเหตุในการจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้ปกติ เนื่องจากนโยบายเศรษฐกิจทุกพรรคใหล้เคียงกันอยู่แล้วที่ต้องการช่วยเหลือประชาชนฐานราก โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้กำกับดูแลทั้งหมด พร้อมทั้งยังได้สั่งการให้ไปหารือกับพรรคร่วม ในการจัดทำร่างนโยบายรัฐบาลเพื่อเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร

“อย่ากังวลเกินกว่าเหตุว่ารัฐบาลพรรคร่วมแล้วจะทำงานด้วยกันไม่ได้ ซึ่งเร็วๆ นี้ จะมี ครม. ชุดใหม่ออกมา ทุกอย่างก็จะเดินไปข้างหน้า และขอให้มีการแสดงความคิดเห็นต่อทีมเศรษฐกิจชุดใหม่น้อยลงหน่อย ผมเป็นคนไม่มีพรรค แต่ผมมีพวก ทุกอย่างที่ทำมา ก็ทำเพื่อบ้านเมืองทั้งนั้น” นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวอีกว่า เศรษฐกิจไทยตอนนี้เจอปัญหา 2 เด้ง คือ 1. ปัญหาการเมืองในประเทศ และ 2. ปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ซึ่งจะกระทบกับการส่งออก การลงทุน และการท่องเที่ยว แต่เรื่องนี้ก็เกิดขึ้นทั่วโลก เราต้องพยายามยืนหยัดผ่านไปให้ได้ โดยพึ่งพาเศรษฐกิจภายในประเทศ ซึ่งขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่น

ทั้งนี้ คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวได้ไม่ต่ำกว่า 3% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ใช้ได้ และการที่ได้นายกรัฐมนตรีคนเดิม นโยบายด้านเศรษฐกิจคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จะเปลี่ยนไม่ได้ เพราะถือเป็นเครื่องหมายการค้าของประเทศไทยไปแล้ว ถ้าทำลายทิ้ง ก็ถือว่าไม่โง่ก็บ้าแล้ว ดังนั้นทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิม

นอกจากนี้ เศรษฐกิจที่ขยายตัว 3% ไม่ใช่เป็นเรื่องที่น่าพอใจหรือไม่พอใจ แต่รัฐบาลต้องทำให้ดีที่สุด และไม่ควรให้เศรษฐกิจไทยถดถอย จะต้องผ่านไปให้ได้ ซึ่งขณะนี้อาจมีปัญหาเรื่องการจัดทำงบประมาณปี 2563 ที่ล่าช้าไปบ้าง แต่ก็น่าจะชดเชยด้วยอย่างอื่นได้ โดยเฉพาะการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน ซึ่งขึ้นอยู่กับการเชื่อมั่นและไม่ควรที่จะชักปืนยิงใส่เท้าตัวเอง ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกังวล ทุกสถาบันการเงินของรัฐพร้อมจะทำตามนโยบายของรัฐบาลในเรื่องที่จำเป็นอยู่แล้ว ไม่ใช่การกระตุ้นที่เกินกว่าเหตุ

สำหรับสถานการณ์ค่าเงินบาทที่แข็งค่าในขณะนี้ สะท้อนให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุน โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องติดตามสถานการณ์ค่าเงินบาทอย่างใกล้ชิด โดยภาคการเมืองไม่ควรเข้าไปแทรกแซงค่าเงิน เพราะถ้าประเทศไม่ดีจริง เงินลงทุนคงไม่ไหลเข้ามา แต่ตอนนี้ มีเงินลงทุนเข้ามาทั้งแบบระยะสั้นและระยะยาว แต่ที่ไทยต้องการคือเงินลงทุนระยะยาว ขณะที่เงินลงทุนระยะสั้นก็ต้องกำกับดูแลให้ดี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน