งง! ‘อุตตม’ ไม่เคยหาเสียงบอกจะลดภาษีเงินได้ แค่ขอทบทวนโครงสร้างจัดเก็บ เร่งลดความเหลื่อมล้ำ ยึดวินัยการคลังเข้มข้น-ประคองรายได้เข้ารัฐระยะยาว ส่วนบาทแข็ง ไว้ใจให้แบงก์ชาติจัดการ

‘อุตตม’ ไม่เคยหาเสียงลดภาษีเงินได้ – นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยถึงนโยบายการลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 10% ว่า นโยบายการปรับลดภาษีจะต้องมองในกรอบใหญ่ สิ่งที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เสนอไว้ไม่ได้พูดถึงลดภาษีโดยตรง แต่กำลังพูดว่าถึงเวลาที่น่าจะมาทบทวนโครงสร้างภาษีของประเทศ เพราะว่าจะมีความเหลื่อมล้ำอยู่ เช่น ภาษีเงินได้นิติบุคคล กับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ที่มีอัตราจัดเก็บห่างกันพอสมควร 30% และ 25% ภาษีพวกนี้ ซึ่งโครงสร้างการจัดเก็บภาษีเงินได้ การปรับเปลี่ยนอย่างไร ลดอะไรบ้าง จะต้องมาดูในรายละเอียด

อีกประเด็นคือ จะดูด้วยว่าเรื่องการสร้างรายได้ เพิ่มรายได้ให้ประเทศจะทำอย่างไร ข้างหนึ่งถ้าแตะภาษีจะตอบโจทย์รายได้รัฐในระยะยาวอย่างไร สุดท้ายแล้ววินัยการเงินการคลังต้องไม่ถูกกระทบ เพราะฉะนั้นจะไม่พูดเรื่องว่าอยู่ดีๆ ไปปรับลดภาษี บางทีเป็นข่าวออกไป เพราะยังมีมีโอกาสที่จะได้อธิบายให้ตรงจุด เพราะจะต้องดูทั้งระบบ โจทย์คือการปรับโครงสร้างภาษี ต้องช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งอาจจะมีทั้งลดทั้งเพิ่ม และต้องสนับสนุนให้คนไทยมีความมั่งคั่งที่ยั่งยืนจากการประกอบอาชีพมากขึ้น ธุรกิจต้องไปได้ประเทศจะได้ประโยชน์จากภาษีที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ ขอเวลาหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้อง การพิจารณาว่าต่อมาตรการลดหย่อนภาษีจากการซื้อหน่วยลงทุนกองทุนหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ที่จะหมดอายุในสิ้นปีนี้ ถ้ามองไปข้างหน้ายังมีประโยชน์ และจำเป็นลักษณะไหน และจะมีผลกระทบด้านไหน ต่อตลาดทุน ต่อผู้ลงทุน ซึ่งมีการนัดหารือกับผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อรองรับการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (e-Business) ที่จะต้องมีการเสนอเข้าสภา ต้องมีการหารือความคืบหน้ากับอธิบดีกรมสรรพากรอีกครั้ง

นายอุตตม กล่าวว่า นโยบายหลักที่กระทรวงเตรียมดำเนินการ จะมีการแถลงอีกครั้งหลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภาแล้ว เบื้องต้นจากสภาพเศรษฐกิจขณะนี้ เห็นว่าเศรษฐกิจภายนอกมีความผันผวน ทำให้เกิดความเสี่ยงประมาณหนึ่ง แต่อย่างไรก็ตามเชื่อมั่นว่าประเทศไทยมีความเข้มแข็งเพียงพอ โดยล่าสุด ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ปรับอันดับความเชื่อถือของไทย จากมองอนาคตมีเสถียรภาพ ซึ่งดีอยู่แล้ว เป็นการมองอนาคตแบบเชิงบวก จากนโยบายเรื่องการรักษาวินัยการเงินการคลังที่สอดรับกับสถานการณ์ เกิดความเข้มแข็งของประเทศ

ทั้งนี้ ในเรื่องเศรษฐกิจ คลังจะเดินหน้าการสร้างความเข็มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ จากฐานราก ซึ่งแม้ว่าการส่งออกยังสำคัญ แต่โลกปัจจุบันถ้าประเทศไม่เข้มแข็งจากภายใน นอกประเทศยังผันผวน ก็จะไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่สามารถขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศเพื่อประชาชนได้เต็มที่ ดังนั้นด้านเศรษฐกิจจะมีมาตรการออกมาดูแลเรื่องของเศรษฐกิจหากมีผลกระทบจากข้างนอกจะดูแลกันอย่างไร ตั้งแต่ฐานรากขึ้นมาทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ จะเน้นขับเคลื่อนในส่วนของนโยบายที่มุ่งเน้นการพัฒนายกระดับประเทศไทยให้ประเทศไทยมีความสามารถในการแข่งขันก้าวทันโลก ตอนนี้เป็นโลกของเทคโนโลยี ภาคการเกษตรไม่เหมือนเดิมแล้ว ต้องใช้เทคโนโลยี การค้าขายภาคอุตสาหกรรม ชัดเจนเป็นโลกของเทคโนโลยี ภาคสังคม เช่นเดียวกันหมด กระทรวงการคลังดูแลในเรื่องงบประมาณ การสนับสนุนด้านการเงิน ดังนั้นจะดูแลสองเรื่องพร้อมกัน การจัดสรรงบประมาณให้สอดรับกับยุทธศาสตร์การยกระดับพัฒนาประเทศตั้งแต่ฐานรากขึ้นมาก และจะดูแลเรื่องวินัยการเงินการคลังต่อเนื่อง ไม่มีหย่อนยาน เพราะอย่างฟิทช์ เรทติ้งส์ ไว้ว่านี่เป็นพื้นฐานของการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ถ้าวินัยการคลังไม่เข้มแข็งก็ไม่มีแรงไปจัดงบประมาณขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ต้องมองระยะใกล้และยาวว่าเราต้องมีเงินพอที่จะพัฒนาประเทศทุกส่วน ทุกพื้นที่ สองเรื่องต้องไปด้วยกัน

สำหรับกลุ่มที่ต้องได้รับการช่วยเหลือ ภาคเกษตรดูแลแน่นอน แต่จะดูแลแบบตอบโจทย์เกษตรจริง ๆ ความช่วยเหลือต้องถึงมือ และตอบโจทย์ให้ตรงจุด โจทย์ของเกษตรคือยกระดับ สร้างรายได้ สร้างความมั่งคั่ง เกษตร วิสาหกิจชุมขน การค้าขายในระดับชุมชนต้องคึกคัก และต้องมีศักยภาพที่พัฒนาต่อไป ขณะที่กระทรวงการคลังได้พัฒนาโครงข่ายพื้นฐานเพื่อรองรับการค้าขายออนไลน์ อีคอมเมิร์ซไว้แล้ว โจทย์ต่อไปคือทำให้สิ่งเหล่านี้ไปเป็นประโยชน์กับประชาชนตั้งแต่ฐานราก โชว์ห่วยติดอาวุธ คือโชว์ห่วยอีคอมเมิร์ซ เป็นต้น

สำหรับนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะเดินหน้าอย่างไร การตัดสินใจสุดท้ายอยู่ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนของพรรคพลังประชารัฐได้พูดไว้แล้ว และเรียกว่าพรรคเป็นโต้โผของบัตรคนจน นโยบายจะขยายผล เช่น สิทธิประโยชน์ที่ผู้ถือบัตรจะได้รับ เพราะบัตรคนจนเป็นสวัสดิการพื้นฐานที่คนไทยควรจะได้เข้าถึง แล้วยังเป็นกลไกสำคัญในการช่วยพัฒนาประเทศ ในมุมผมมุมพรรคสนับสนุนให้เดินหน้า ส่วนวิธีการอะไรอย่างไรขอไปทำการบ้านก่อนว่าจะเป็นอย่างไร

นายอุตตม กล่าวว่า ค่าเงินบาทอย่างที่ทราบ มีปัจจัยที่กระทบอยู่ ทั้งด้านทำให้บาทอ่อนและบาทแข็ง ซึ่งฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้พูดถึงว่าการที่เงินดุลการค้า ดุลบัญชีเดินสะพัดต่างๆ ของไทยที่เข้มแข็ง ก็อาจเป็นเหตุผลทำให้บาทแข็งขึ้นมาบ้าง แต่เป็นตามธรรมชาติ ส่วนการดูแลอย่างที่ทราบ คลังเชื่อมั่นใน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในการทำหน้าที่นี้ การดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ซึ่งคลังกับ ธปท.จะต้องมีการหารือร่วมกันในอนาคต แต่ไม่ได้หมายความว่า คลังจะเข้าไปแทรกแซง หรือก้าวก่าย โดยเฉพาะเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ให้เป็นการตัดสินใจของ ธปท. คลังพูดไม่ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน