‘ศักดิ์สยาม’ กร้าวประเมินผลงาน 1 เดือน หน่วยงานไหนหลุดเป้า เก้าอี้สะเทือนแน่นอน ระบุไม่กังวลคดีค่าโง่รุมทั้ง ‘ทางด่วน-โฮปเวลล์’ ชี้ ‘ถาวร’ เคยเป็นอดีตอัยการจะช่วยดูแลด้านกฎหมาย ยันได้ข้อสุปก่อน 45 วัน

‘ศักดิ์สยาม’ประเมินผลงาน 1 เดือน – นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับสถานะในการดำเนินงานของ 23 หน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ทั้งหน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ ว่าเป็นอย่างไรในช่วงที่รัฐมนตรีคมนาคมชุดใหม่เข้ามารับตำแหน่ง เพื่อนำมาจัดทำตัวชี้วัดผลงานหรือเคพีไอ ประเมินการทำงานของแต่ละหน่วยงานในสังกัด โดยตั้งเป้าประเมินผลงานหน่วยงานภายใน 1 เดือนแรก ซึ่งถือเป็นระยะเวลาการทำงานที่สั้น แต่ต้องการให้กระทรวงคมนาคมปรับเปลี่ยนการทำงานให้รวดเร็วโดยนำรูปแบบการทำงานระบบของเอกชนเข้ามาผสมผสานในหน่วยงานราชการให้มากขึ้น

“ภายใน 1 เดือน แต่ละหน่วยงานจะต้องมีการบ้านมาส่งผม ถ้าทำไม่ได้ตามเป้า ก็ต้องจะถามหัวหน้าหน่วยว่า เป็นเพราะอะไร ทำไม่ได้ หรือไม่ได้ทำ ส่วนการโยกย้ายผู้บริหารในหน่วยงานที่ทำไม่ได้ตามเคพีไอนั้นจะเป็นเรื่องสุดท้ายที่ผมจะพิจารณา โดยหากหน่วยงานไหนที่ไม่ผ่านประเมิน ขณะที่ผู้บริหารใกล้จะเกษียณอายุราชการอยู่แล้ว ก็อาจไม่จำเป็นต้องมีการโยกย้าย”

นายศักดิ์สยามกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาการถูกเอกชนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายหลายคดี ว่า กระทรวงไม่ได้มีความกังวลกรณีถูกฟ้องร้อง เนื่องจากขณะนี้มีทีมที่พร้อมทำงาน รวมทั้ง นายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม ก็เป็นอดีตอัยการซึ่งมีความเชี่ยวชาญเรื่องของกฎหมายอยู่แล้ว ซึ่งท่านจะเข้ามาช่วยดูเรื่องนี้ด้วย โดยกระทรวงจะพยายามทำให้ดีที่สุด และต้องอธิบายต่อสังคมได้

สำหรับคดีค่าโง่ทางด่วน ล่าสุดบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) มีมติให้ขยายสัญญาสัมปทานทางด่วนให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม อีก 30 ปี เพื่อแลกกับการยุติข้อพิพาทซึ่งมีมูลหนี้ฟ้องร้องจำนวน 2 คดี มูลหนี้ฟ้องร้อง 5.9 หมื่นล้านบาท นั้น ได้สั่งการให้ กทพ. ไปดูว่า ได้มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขทีโออาร์ตามสัญญาหรือเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ คาดว่าจะใช้เวลาพิจารณาไม่นาน แล้วเสร็จก่อนกรรมาธิการวิสามัญค่าโง่ทางด่วนที่กำหนดกรอบเวลาไว้ 45 วัน

ส่วนการจะจ่ายค่าโง่เป็นเงินหรือเจรจาขยายสัมปทานให้เอกชน นั้น จะต้องไปดูว่าตามคำสั่งศาลระบุว่าอย่างไร โดยจะต้องยึดคำสั่งศาลหากไปทำวิธีอื่นต่างจากกที่ศาลสั่งก็จะไม่มีกฎหมายรองรับการตัดสินใจ ส่วนกรณีค่าโง่โฮปเวลล์ ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องจ่ายชดใช้ค่าเสียหายให้ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทนั้น หากศาลมีข้อยุติแล้วรฟท. คงต้องดำเนินการตามคำสั่งศาลไม่สามารถปฏิบัติเป็นอย่างอื่นได้

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า สำหรับนโยบายเร่งด่วนที่ต้องเร่งดำเนินการ ซึ่งเป็นโครงการใหม่ที่ไม่เคยทำมาก่อนคือ การผลักดันให้แกร็บแท็กซี่ถูกกฎหมาย ทราบว่าขณะนี้กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) มีการประชุมเรื่องนี้บ้างแล้ว เบื้องต้น จะต้องเร่งแก้ไขกฎกระทรวงและกฎหมายเพื่อให้บริการแกร็บแท็กซี่เป็นบริการที่ถูกกฎหมาย ซึ่งขณะนี้ได้เตรียมการแก้ไขกฎหมาย และกฎกระทรวงไว้เรียบร้อยแล้ว ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะถูกลุ่มแท็กซี่มิเตอร์ปัจจุบันออกมาคัดค้านนั้น ตนเชื่อว่าทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน ต้องคุยกันได้ ซึ่งเราก็ต้องฟังเสียงแท็กซี่ด้วยว่าต้องการอะไร และสามารถช่วยเหลือหรือเยียวยาได้มากน้อยแค่ไหน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน