‘สมคิด’ ตรวจการบ้านกระทรวงพลังงาน ลุยจัดแพ็กเกจดูแลค่าครองชีพประชาชนด้านพลังงาน เช่นค่าไฟ-ค่าน้ำมัน-ค่าโดยสาร-ค่าก๊าซ

‘สมคิด’ ตรวจการบ้านก.พลังงาน – นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยในโอกาสตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายผู้บริหารกระทรวงพลังงาน ว่า ได้มอบหมายให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงพลังงาน โดยเฉพาะ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) สถาบันบริหารกองทุนน้ำมัน (องค์การมหาชน) เป็นต้น ระดมความเห็นร่วมกันหามาตรการดูแลค่าครองชีพประชาชนด้านพลังงาน เช่น ค่าไฟ ค่าน้ำมัน รวมทั้งหาแนวทางนำเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีอยู่กว่า 3 หมื่นล้านบาท เงินกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ที่มีอยู่กว่า 10,000 ล้านบาท เข้ามาช่วยเหลือประชาชนในช่วงที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกขาลง อาทิ ค่าโดยสาร ค่าก๊าซ เป็นต้น

โดยเฉพาะมาตรการดูแลประชาชนผู้มีรายได้ในภาคเกษตรกรรมของประเทศที่ได้รับความช่วยเหลือเรื่องราคาพลังงานค่อนข้างน้อย เพราะเกษตรกรเป็นกลุ่มไม่ได้ใช้บริการสาธารณะที่ได้รับอุดหนุนราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ราคาถูก จึงให้กลุ่ม ปตท. เร่งหาแนวทางช่วยเหลือต้นทุนทางการเกษตรแก่เกษตรกรผ่านโครงการปุ๋ยสั่งตัด (ปุ๋ยอินทรีย์ที่ผลิตขึ้นให้สอดคล้องกับชนิดของดินแต่ละพื้นที่และพืชเกษตร) เฉพาะสูตรที่จำเป็นเพื่อช่วยลดต้นทุนเกษตรกร และไม่ให้เกิดปัญหาแย่งตลาดปุ๋ยจากภาคเอกชน

“เพราะเห็นว่าปตท. มีเครื่องมือ มีบุคลากร มีศักยภาพในการวิจัยและพัฒนาปุ๋ยสั่งตัด ที่มีสูตรเฉพาะของแต่ละพื้นที่มาขายในราคาถูกอย่างจริงจัง ทั้งยังให้ ปตท. ร่วมกับกลุ่มสหกรณ์การเกษตรเพิ่มบทบาทความช่วยเหลือวิสาหกิจชุมชนในการจัดพื้นที่เฉพาะนำสินค้าชุมชนเข้ามาวางจำหน่ายและผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ พร้อมใช้กลไกกองทุนอนุรักษ์พลังงานยกระดับเรื่องของบรรจุภัณฑ์ การสร้างแบรนด์ พร้อมเร่งรัดโครงการห้องเย็นขนาดเล็กสำหรับจัดเก็บผลไม้ให้เกษตรกรในช่วงที่ราคาจำหน่ายตกต่ำ และเน้นย้ำให้ปตท. และบริษัทในเครือมุ่งดำเนินธุรกิจที่เน้นตามแนวเศรษฐกิจหมุนเวียน”

นอกจากนี้ ล่าสุดได้หารือกับผู้แทนจากสหรัฐ ที่มีความสนใจเข้ามาลงทุนในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทย-กัมพูชา ทางสหรัฐจึงต้องการให้ไทยเป็นตัวกลางความร่วมมือกับประเทศกัมพูชาในพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าง ซึ่งจะเร่งรัดให้ได้ข้อสรุปถึงแนวทางพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนในปี 2565 ผลักดันไทยเป็นศูนย์กลางพลังงานในภูมิภาค สร้างความมั่นคงการเชื่อมโยงด้านพลังงานกับกลุ่มประเทศซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) และเชื่อมโยงกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมเปิดให้มีการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบใหม่ในพื้นที่อ่าวไทย 10 แปลง และบนบกในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 7 แปลงและภาคกลาง 1-2 แปลง ให้เป็นไปตามแผนปี 2563 โดยยืนยันจะดำเนินการให้เกิดความเหมาะสมมากที่สุด

ขณะเดียวกัน เร็วๆ นี้จะไปมอบนโยบายให้กับ ปตท. และหลังจากนั้นประมาณปลายเดือนส.ค. จะไปตรวจเยี่ยมกฟผ. เพื่อหารือแนวทางและทิศทางการดำเนินงานให้สอดรับกับนโยบายกระทรวงพลังงานตามยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่เน้นการพัฒนาพลังงานเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ควบคู่กับการสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศเพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานราก

สำหรับความคืบหน้าการดำเนินมาตรการดูแลค่าครองชีพประชาชนทั้งก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ไบโอดีเซลบี 10 และบี 20 ที่จะหมดอายุในเดือนก.ย.นี้ อยู่ระหว่างหารือเตรียมมาตรการไว้ คาดจะได้ข้อสรุปในไม่ช้าว่าจะดำเนินการอย่างไรให้ถึงกลุ่มเป้าหมายที่แท้จริง

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงฯได้เตรียมดำเนินการหลายเรื่องให้มีความชัดเจนภายใน 6 เดือน ได้แก่ การจัดทำโมเดลโรงไฟฟ้าชุมชนที่จะนำไปสู่ 1 ชุมชน 1 โรงไฟฟ้า 1 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างอาชีพสำหรับชุมชนและปรับกลไกของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานวงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทให้เข้าถึงชุมชนมากขึ้น โดยคาดว่าจะเปิดให้มีการยื่นขอเงินสนับสนุนได้ภายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ การปรับปรุงแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี2018) เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน