‘สุริยะ’ฟังเสียงค้าน เร่งศึกษาถมทะเลแหลมฉบังรอบด้าน 3,000 ไร่ คาดทุบโต๊ะภายใน 6 เดือน ลั่นถ้าคุ้มค่าลุยต่อ-ถ้าไม่คุ้มค่าก็พับแผน เอาใจเอสเอ็มอีสั่งกนอ.หาพื้นที่ราคาถูกให้เช่า

สั่งศึกษาถมทะเลแหลมฉบัง – นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม กล่าวในโอกาสตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายผู้บริหารการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ว่า มอบหมายให้ กนอ. ว่าจ้างสถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ศึกษาความเป็นไปได้และเหมาะสมเรื่องการถมทะเลรวมถึงการพัฒนาพื้นที่ท่าเรือ 3,000 ไร่ บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพิ่มเติมจากแผนขยายการลงทุนโครงการปิโตรเคมีส่วนขยายเพิ่มเติมของบริษัท เอ็กซอน โมบิล คอร์ปอเรชั่น ประมาณ 1,000 ไร่ มูลค่า 3.3 แสนล้านบาท

ทั้งนี้ เพื่อพิจารณาความเหมาะสมพื้นที่ถมทะเลบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่รองรับอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง และให้นำเสนอผลศึกษาต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนและประสานการลงทุนพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือนนับจากนี้ ขณะที่ทางเอ็กซอนฯ ก็ยังอยู่ระหว่างศึกษากฎหมายสิทธิประโยชน์การลงทุนต่างๆ ด้วย

“ส่วนกระแสต่อต้านเรื่องการถมทะเลต่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมนั้น สุดท้ายต้องรอดูผลการศึกษาที่ชี้ชัดก่อน ถ้าผลการศึกษาพบว่าทำแล้วคุ้มทุน มีประโยชน์กับประเทศ ไม่กระทบสิ่งแวดล้อมก็พร้อมเดินหน้า แต่ถ้าไม่คุ้มค่า ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศและมีผลกระทบมากเกินไป ก็จะไม่ทำ”นายสุริยะ กล่าว

นอกจากนี้ มอบนโยบายให้ กนอ. เร่งรัดพิจารณาจัดหาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมรองรับการลงทุนของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และผู้ประกอบการใหม่ (สตาร์ตอัพ) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเอสเอ็มอีในกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)

นายสุริยะ กล่าวว่า ตามแนวคิดของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ที่มอบนโยบายแก่กระทรวงอุตสาหกรรมเมื่อเร็วๆ นี้ ว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ มีที่ดินในทำเลที่เหมาะสมและราคาค่าเช่าไม่แพง หรือต้องต่ำกว่าราคากลางเพื่อให้ธุรกิจของเอสเอ็มอีอยู่ได้ โดยส่วนตัวเห็นว่าผลการดำเนินงานของ กนอ. ก็พอมีกำไรช่วยเหลือเอสเอ็มอีได้ รวมถึงกระทรวงอุตสาหกรรมจะหาแนวทางสนับสนุนอีกทางหนึ่ง

ขณะเดียวกัน กนอ. ยังรายงานความคืบหน้าโครงการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมสมาร์ท พาร์ค ที่ล่าสุดได้รับความเห็นชอบรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างขั้นตอนเตรียมเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติช่วงเดือนก.ย.นี้ กำหนดการก่อสร้างโครงการดังกล่าวปี 2563 ตามแผนงานที่วางไว้ ตั้งเป้าหมายเปิดให้บริการรองรับการลงทุนได้ประมาณปี 2566

น.ส.สมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวว่า แนวทางช่วยเหลือเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ จะประสานความร่วมมือกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ดำเนินโครงการห้องแช่ผลไม้ภาคตะวันออก (อีเอฟซี) รองรับเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพกลุ่มสินค้าเกษตรเพื่อยกระดับสินค้าเกษตรไปสู่ 4.0 โดยใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งในนิคมฯ สมาร์ท พาร์ค ดำเนินการ รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามเขตส่งเสริมพิเศษ

สำหรับความคืบหน้าโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ระยะที่ 3 ช่วงที่ 1 ได้เจรจาแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการสูงสุด คาดจะแล้วเสร็จในวันที่ 2-3 ก.ย.นี้ ก่อนเสนอให้คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิจารณา แล้วนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. พิจารณาอนุมัติร่างสัญญาร่วมลงทุน ควบคู่กับการทำรายงานอีไอเอ คาดจะสามารถลงนามสัญญาร่วมทุนกับกลุ่มกิจการร่วมค้ากัลฟ์ และพีทีที แทงค์ ที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้ร่วมลงทุนภายในเดือนก.ย.นี้

ในส่วนของการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (SEZ) ที่ จ.สระแก้ว สงขลา และตาก จะดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันยังมีปัญหาเรื่องค่าเช่าที่ดินแพง จึงต้องไปหารือกับกรมธนารักษ์เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว รวมถึงปัญหาด้านการคมนาคมที่ยังไม่สะดวก โดยทางกนอ. มีแนวทางแก้ไขอยู่แล้ว ขณะที่ นิคมฯ สระแก้ว ดำเนินการก่อสร้างไปแล้วกว่า 99.99% คาดว่าเดือนต.ค.นี้ จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ และเบื้องต้นมีโรงงาน 3 ราย เริ่มดำเนินการก่อสร้างในพื้นที่แล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน