ครม. ไฟเขียวงบ 6 หมื่นล้าน ประกันราคาข้าว-ปาล์ม และอุดหนุนปัจจัยการผลิต บรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรประสบปัญหาราคาตกต่ำ

ครม.ไฟเขียวอัดงบ6หมื่นล้าน – น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติ โครงการประกันรายได้เกษตรกรปลูกข้าวและปาล์มน้ำมัน ปี 2562/2563 วงเงิน 34,873 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการประกันรายได้เกษตรกรปลูกข้าว วงเงิน 21,495 ล้านบาท และโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันวงเงิน 13,378 ล้านบาท ทั้งนี้ ครม. อนุมัติทั้ง 2 โครงการเพื่อ บรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรปลูกข้าวและปาล์มในภาวะราคาตกต่ำ, ป้องกันความเสี่ยงด้านราคาให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกข้าวไม่ให้ประสบปัญหาขาดทุน, ลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ และเพื่อให้กลไกตลาดทำงานเป็นปกติ

โครงการประกันรายได้เกษตรกรปลูกข้าว วงเงิน 21,495 ล้านบาท เพื่อใช้ในการประกันรายได้ราคาข้าวให้ชาวนาที่ปลูกข้าว 5 ชนิด มีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรปลูกข้าวปี 2562 จำนวน 892,176 ครัวเรือน ระยะเวลาโครงการ ต.ค. 2562-ต.ค. 2563 ประเภทข้าวที่ได้รับประกัน, ข้าวเปลือกหอมมะลิ 15,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน, ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ 14,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน, ข้าวเปลือกเจ้า 10,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตันข้าวเปลือกหอมปทุมธานี 11,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน และ ข้าวเปลือกเหนียว 12,000 บาท/ตัน ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

ส่วน โครงการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันภายใต้วงเงิน 13,378 ล้านบาท เพื่อใช้ในการประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ที่ขึ้นทะเบียน 3 แสนราย ระยะเวลาโครงการ ส.ค. 2562-ก.ย. 2563 ผลปาล์มทะลายที่เข้าโครงการจะต้องมีคุณภาพน้ำมัน 18% กิโลกรัมละ 4 บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม โดยใช้เกณฑ์ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยทั้งประเทศ กิโลกรัมละ 3 บาท บวกค่าขนส่ง กิโลกรัมละ 0.25 และผลตอบแทนให้เกษตรกร 23% หรือกิโลกรัมละ 0.75 บาท ให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ และเป็นพื้นที่ปลูกปาล์มที่ให้ผลผลิตแล้ว อายุไม่น้อยกว่า 3 ปี

ทั้งนี้ เกษตรกรทั้งชาวนาและชาวสวนปาล์มเกษตรกร ผู้มีสิทธิได้รับเงินชดเชย คือผู้ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2562/63 กับกระทรวงเกษตรกรและสหกรณ์ เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างโอนเข้าบัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดยตรงหากราคาตลาดต่ำกว่าราคารับประกันรายได้ธ.ก.ส. โดยตรงหากราคาตลาดต่ำกว่าราคารับประกันรายได้

นอกจากนี้แล้ว ครม. ยังเห็นชอบแนวทางการดำเนินการบริหารปาล์มน้ำมันทั้งระบบ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการทำงานของหลายกระทรวง เพื่อเร่งเพิ่มปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศ และควบคุมปริมาณน้ำปาล์มล้นตลาด โดยการเพิ่มการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพื่อการผลิตไฟฟ้า สั่งให้กระทรวงพลังงาน โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เร่งรัดการจัดซื้อน้ำปาล์มดิบส่วนที่เหลือ 133,750ตัน เพื่อนำไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าที่โรงไฟฟ้าบางประกงให้ครบ 200,000 ตัน ตามมติครม. เมื่อ 7 พ.ค. 2562 ให้แล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์

การส่งเสริมการใช้ไบโอดีเซลเ โดยให้กระทรวงพลังงาน เร่งดำเนินการปรับดันให้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 10 เป็นน้ำมันดีเซลมาตรฐานภายในสิ้นปี 2562 จากเดิมที่เป็นบี 7 และสนับสนุนให้ใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 บี 7 เป็นทางเลือก ทั้ง 2 แนวทางนี้ ถ้าทำได้ตามเป้าหมายเชื่อมั่นว่าจะทำให้น้ำมันปาล์มมีราคาที่สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน และให้กระทรวงพาณิชย์หาช่องทางเพิ่มการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ ปาล์มบริสุทธิ์ ผลิตภัณฑ์ปาล์ม ไปประเทศที่มีศักยภาพ การบริหารจัดการเพื่อป้องกันน้ำมันล้นตลาด

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมครม. ยังอนุมัติโครงการสนับสนุนต้นทุนการผลิตข้าวนาปี ปีการผลิต 2562/63 ให้กับชาวนาไร่ละ 500 บาท ไม่เกิน 20 ไร่ ซึ่งอยู่ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะเร่งด่วนของรัฐบาล วงเงิน 25,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการดูแลราคาสินค้าเกษตรทั้งหมด ต้องทำโครงการด้วยความระมัดระวัง โดยต้องดูกรอบกฎหมายต่างๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้การขับเคลื่อนโครงการไม่เกิดข้อกล่าวหาว่ามีการแทรกแซงราคาตลาดเหมือนในอดีต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งส่วนประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกพืช 2 ชนิด และการสนับสนุนปัจจัยการผลิต ใช้งบประมาณรวม 60,355 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน