ธ.ก.ส. แจงเดือน ก.ย. ราคาข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาวยังขยับเพิ่มอีก 1.90-5.98% แตะ 13,000-13,529 บาทต่อตัน เหตุภัยแล้งกระทบกดผลผลิตลดลง สวนทางราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ยางพารา สุกร และกุ้งขาวแวนนาไมราคาดิ่ง

ข้าวเหนียวยังแพงต่อ – นายสมเกียรติ กิมาวหา ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรเดือน ก.ย.2562 ที่จัดทำโดยศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรม ธ.ก.ส. พบว่า สินค้าเกษตรที่จะมีราคาเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าวเปลือกเจ้าความชื้น 15% คาดราคาขายอยู่ที่ 7,975-8,081 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.15-2.50% เนื่องจากแหล่งผลิตข้าวนาปรังที่สำคัญ อาทิ จ.สุพรรณบุรี พิษณุโลก และพิจิตร ยังคงประสบปัญหาภัยแล้งอยู่ ทำให้อุปทานข้าวลดลง, ข้าวเปลือกหอมมะลิ คาดราคาอยู่ที่ 16,000-16,109 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.23-0.91% เนื่องจากภาวะภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผลผลิตข้าวหอมมะลิได้รับความเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ภาวะภัยแล้งในบริเวณแหล่งผลิตข้าวหอมมะลิที่สำคัญในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิ จ.อุบลราชธานี และร้อยเอ็ด ได้คลี่คลายลง จึงทำให้ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ส่วนข้าวเปลือกเหนียวเมล็ดยาว คาดราคาอยู่ที่ 13,009-13,529 บาท/ตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.90-5.98% เนื่องจากภาวะภัยแล้งส่งผลให้ผลผลิตข้าวเหนียวมีปริมาณน้อยกว่าทุกปี ประกอบกับเป็นช่วงรอยต่อของฤดูกาลการผลิตทำให้ข้าวเหนียวเก่าเหลือน้อยและข้าวเหนียวใหม่ยังไม่ถึงเวลาเก็บเกี่ยว ส่งผลให้ผู้ประกอบการโรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง และผู้ส่งออกข้าวเร่งซื้อข้าวเก็บไว้ในสต๊อก

น้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก คาดราคาอยู่ที่ 12.16-12.63 เซนต์/ปอนด์ (8.22-8.54 บาท/ก.ก.) เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 4.00-7.00% ตามการเข้ามาซื้อน้ำตาลคืนของกลุ่มกองทุนและนักเก็งกำไรอันเป็นผลมาจากการที่หน่วยงานวิเคราะห์ของบราซิล (Brazil Conab) ได้ปรับลดประมาณการผลผลิตน้ำตาลของบราซิลในปี 2562/2563 ลง 6.7% เหลือ 31.8 ล้านตัน จากเดิมประมาณการไว้ที่ 34.1 ล้านตัน จึงคาดว่าผลผลิตน้ำตาลในตลาดโลกเพิ่มขึ้น, มันสำปะหลัง คาดราคาอยู่ที่ 1.72-1.77 บาท/ก.ก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.17-4.11% เนื่องจากผลผลิตมันสำปะหลังออกสู่ตลาดลดลงและผลจากการเกิดโรคระบาดไวรัสใบด่างมันสำปะหลัง (CMD) และปาล์มน้ำมัน คาดราคาอยู่ที่ 2.35-2.43 บาท/ก.ก. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 1.73-5.19% เนื่องจากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันในเดือนก.ย. จะออกสู่ตลาดลดลง ประกอบกับนโยบายการเร่งดูดซับน้ำมันปาล์มเพื่อลดปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์ม จะเป็นปัจจัยหนุนให้ทิศทางราคาปาล์มน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น

ด้านสินค้าเกษตรที่จะมีราคาลดลง ได้แก่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% คาดราคาอยู่ที่ 7.17-7.28 บาท/ก.ก. ลดลงจากเดือนก่อน 0.50-2.00% เนื่องจากเป็นช่วงเก็บเกี่ยวข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รุ่น 1 ทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดมากขึ้น ประกอบกับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ฤดูกาลใหม่ที่ออกจากไร่อาจจะมีความชื้นสูง จากภาวะฝนที่ยังตกชุกในหลายพื้นที่ ส่งผลให้คุณภาพผลผลิตลดลง ยางพาราแผ่นดิบ คาดราคาอยู่ที่ 36.53-37.35 บาท/ก.ก. ลดลงจากเดือนก่อน 3.98-6.09% เนื่องจากความกังวลต่อสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน มีแนวโน้มรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว เงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า และสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคายางพารามีแนวโน้มปรับตัวลดลง

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากมาตรการรัฐในการชดเชยราคายางพาราตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรอาจจะทำให้ราคายางพาราปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ สุกร คาดราคาอยู่ที่ 68.50-69.20 บาท/ก.ก. ลดลงจากเดือนก่อน 0.25-1.25% เนื่องจากปริมาณสุกรออกสู่ตลาดใกล้เคียงกับความต้องการบริโภค ประกอบกับความกังวลกับข่าวการเกิดโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) อาจทำให้เกษตรกรบางส่วนเร่งจำหน่ายสุกรออกสู่ตลาด และกุ้งขาวแวนนาไม คาดราคาอยู่ที่ 137.50-140.50 บาท/ก.ก. ลดลงจากเดือนก่อน 1.58-3.68% เนื่องจากสถานการณ์ค่าเงินบาทของไทยมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงกดดันให้ส่งออกกุ้งได้น้อยลง ประกอบกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ทำให้เกษตรกรเร่งจับกุ้งออกจำหน่ายเพื่อลดความเสี่ยงที่กุ้งจะเสียหาย ส่งผลให้ปริมาณผลผลิตกุ้งเพิ่มขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน