พาณิชย์แจงแนวโน้มเงินบาททั้งปียังแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจัยเศรษฐกิจโลก ส่วน 7 เดือนส่งออกยังขยายตัวในตลาดสำคัญติดลบน้อยกว่าหลายประเทศที่ค่าเงินอ่อน

พาณิชย์ฟันธงบาทยังแข็งค่าขึ้น – น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กรพะทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ทำการวิเคราะห์อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศคู่ค้าที่สำคัญและของไทย พบว่า ค่าเงินบาทเฉลี่ยจากต้นปีจนถึงวันที่ 30 ส.ค. 2562 อยู่ที่ 31.39 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้น 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และแข็งค่ากว่าประเทศคู่แข่งและคู่ค้าที่สำคัญ ซึ่งส่วนมากค่าเงินอ่อนค่า เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจและการเมืองภายในประเทศ รวมทั้งความขัดแย้งระหว่างประเทศ อย่างเช่น เกาหลีใต้ อ่อนค่า 6.5% สหภาพยุโรป อ่อนค่า 6.3% อังกฤษ อ่อนค่า 6.2% จีน อ่อนค่า 5.3% อินเดีย อ่อนค่า 5.1% ไต้หวัน (อ่อนค่า 4.0% มาเลเซีย อ่อนค่า 4.0% และเวียดนาม อ่อนค่า 2.1% เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การส่งออกของไทยยังทำได้ดีกว่าประเทศที่ค่าเงินอ่อนค่า โดย 7 เดือนแรกของปี 2562 ไทยส่งออกหดตัว 1.9% ส่วนเกาหลีใต้หดตัว 8.9% อังกฤษหดตัว 3.5% ไต้หวันหดตัว 2.9% และมาเลเซียหดตัว 4.8% ดังนั้นการแข็งค่าของค่าเงินบาทแม้ว่าจะทำให้รายได้ผู้ประกอบการลดลง แต่ในภาพรวมส่งผลกระทบต่อการส่งออกยังจำกัด

ทั้งนี้ สินค้าเกษตรซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงได้รับผลกระทบจากการแข็งค่าของค่าเงิน พบว่า แม้ว่าการส่งออกสินค้าเกษตรบางชนิดจะหดตัว แต่การส่งออกไปบางตลาดยังขยายตัวได้ดี เช่น การส่งออกข้าว 7 เดือนแรกหดตัว 18.5% แต่ส่งออกไปสหรัฐ ขยายตัว 13.9% โดยตลาดดังกล่าวมีสัดส่วน 13.8% ของการส่งออกข้าวทั้งหมด การส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 7 เดือนแรกหดตัว 6.9% แต่การส่งออกไปญี่ปุ่นขยายตัว 3.2% โดยตลาดดังกล่าวมีสัดส่วน 10.6% การส่งออกข้าวโพด 7 เดือนแรกหดตัว 20.7% แต่การส่งออกไปเวียดนามขยายตัว 29.2% มีสัดส่วนตลาด 23.2%

นอกจากนี้ การส่งออกอาหารทะเลกระป๋อง 7 เดือนแรกขยายตัว 2.3% โดยส่งออกไปสหรัฐ ขยายตัว 16.5% และญี่ปุ่น 10.4% รวมถึงการส่งออกผลไม้สด/แช่แข็งที่มีความนิยมสินค้าไทยเพิ่มขึ้น ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวสูงถึง 44.9% สะท้อนการส่งออกสินค้าเกษตรยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่มีผลต่อการส่งออก เช่น ความต้องการสินค้า และคุณภาพสินค้า เป็นต้น ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าไลฟ์สไตล์หลายชนิดที่ขยายตัวได้ดี เช่น เครื่องสำอาง 15.3% /ผลิตภัณฑ์รักษาผิว 13.3% เครื่องรับวิทยุและส่วนประกอบ 12.6% รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ 3.3% ตู้เย็น และผลิตภัณฑ์ยาง 1.3%

สำหรับช่วงที่เหลือของปี 2562 คาดว่า ค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มทรงตัวหรืออาจจะแข็งค่าเพิ่มขึ้น โดยเคลื่อนไหวในช่วง 30.0-31.0 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยปัจจัยหลักที่อาจจจะทำให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ประกอบด้วย การดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพิ่มเติมของประเทศสำคัญของโลก อย่าง สหรัฐ จีน และสหภาพยุโรป แนวทางการออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ หรือ Brexit และความขัดแย้งการเมืองระหว่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งต้องเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการทำประกันความเสี่ยงค่าเงิน เพื่อรองรับผลกระทบจากการความผันผวนและค่าเงินที่อาจจะแข็งค่าเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2562

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน