แบงก์ออมสินอัด 5 หมื่นล้าน ช่วยเอสเอ็มอี-สตาร์ตอัพ คาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้ประมาณ 25,000 ล้าน

อัด5หมื่นล้านช่วยเอสเอ็มอี – นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสิน เตรียมสินเชื่อแก่ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และสตาร์ตอัพ ภายใต้สินเชื่อประชารัฐสร้างไทย วงเงินรวม 50,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถปล่อยสินเชื่อดังกล่าวได้ภายในสิ้นปีนี้ประมาณ 25,000 ล้านบาท และในปี 2563 อีก 25,000 ล้านบาท

สำหรับสินเชื่อมี 3 ประเภท ประกอบด้วย สินเชื่อเพื่อการเสริมสภาพคล่อง เป็นเงินทุนหมุนเวียนให้ภาคธุรกิจวงเงินกู้รายละไม่เกิน 10 ล้านบาท สินเชื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจ เช่น การปรับเปลี่ยนเครื่องจักร วงเงินกู้รายละไม่เกิน 10 ล้านบาท และสินเชื่อเพื่อสนับสนุนการทำบัญชีเดียวที่ให้วงเงินกู้ราละไม่เกิน 100 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่ามาตรการดังกล่าวจะทำให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพ มีประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจมากขึ้น

“โครงการนี้จะมีการปรับปรุงเงื่อนไขการปล่อยกู้ที่ผ่อนปรน เพื่อให้เอสเอ็มอีและสตาร์ตอัพกู้ผ่านโครงการนี้ได้มากขึ้น โดยจะมีการผ่อนปรนการพิจารณา รวมถึงเรื่องหลักทรัพย์ค้ำประกันของเอสเอ็มอีที่มีปัญหา จะร่วมมือกับบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ในการค้ำประกันโดยฟรีค่าธรรมเนียม 4 ปี และคิดดอกเบี้ยเงินกู้เพียง 4% ใน 2 ปีแรก ซึ่งถือว่าต่ำมากในระบบขณะนี้ เพื่อต้องการให้ผู้ประกอบการมีแหล่งเงินทุนเพิ่ม”นายชาติชาย กล่าว

ทั้งนี้ ในปีที่ผ่านมาธนาคารออมสินมีผู้ค้าที่เป็นเอสเอ็มอี และสตาร์ตอัพประมาณ 50,000 ราย คิดเป็นวงเงินกู้ 1.5 แสนล้านบาท โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการไปแล้วประมาณ 20,000 ล้านบาท คาดว่าเมื่อปล่อยสินเชื่อช่วงที่เหลือของปีนี้อีก 25,000 ล้านบาทจะมีลูกค้าเอสเอ็มอีเพิ่มอีกประมาณ 2,000 ราย

ส่วนการปล่อยสินเชื่อรวมสามารถปล่อยสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 1.1-1.2 แสนล้านบาท จากปัจจุบันที่ 2.1 ล้านล้านบาท ทำให้ปีนี้จะทำให้มีสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้นเป็น 2.3 ล้านล้านบาท

ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ปีนี้จะสามารถดูแลและปรับโครงสร้างลูกหนี้รายเดิมและการขยายพอร์ตสินเชื่อได้ไม่เกิน 2.9% จากปัจจุบันอยู่ที่ 3.1% ขณะที่หนี้เสียของกลุ่มสินเชื่อเอสเอ็มอีนั้น ปัจจุบันอยู่ที่ 5% โดยส่วนใหญ่เป็นลูกหนี้รายเดิม ที่ค้างชำระมาหลายปีแล้ว ซึ่งเป็นผลมาจากภาวะเศรษฐกิจ แต่แนวโน้มเชื่อว่าจะลดลง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน