กระทรวงพลังงาน โหมโรงแคมเปญหนุนรถอีวีบิ๊กบึ้ม – ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานผลิตแบตเตอรี่และเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค

โหมโรงแคมเปญรถอีวีบิ๊กบึ้ม – นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่ากระทรวงอยู่ระหว่างเตรียมแผนส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ครอบคลุมทั้งระบบโดยเฉพาะในส่วนของแบตเตอรี่ที่เป็นหัวใจหลักของรถยนต์อีวี ตั้งเป้าหมายให้ไทยเป็นฐานผลิตแบตเตอรี่และเป็นผู้นำด้านรถยนต์อีวีในภูมิภาค เนื่องจากเห็นว่าแผนส่งเสริมอีวีมีความล่าช้า ไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ใช้และผลิตมากนัก หากยังไม่เห็นแผนที่ชัดเจนจะยิ่งทำให้ไทยเสียโอกาส เพราะขณะนี้ประเทศอินโดนีเซียและเวียดนามประกาศเป็นผู้นำด้านรถยนต์อีวีแล้ว ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน โดยมาตรการทั้งหมดจะประกาศได้ภายในสิ้นปีนี้

“ระหว่างนี้จะเชิญทุกภาคส่วนมาระดมสมอง กูรูด้านรถยนต์ไฟฟ้าต่างๆ ทั้งในไทย และต่างประเทศ หารือกับทุกหน่วยงานให้แผนผลักดันอีวีสำเร็จ ทำทุกองค์ประกอบให้ครบวงจร แคมเปญที่จะออกมาเรียกได้ว่า เป็นบิ๊กบึ้มอีวีแน่นอน ต้องหารือมาตรการส่งเสริมร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) มาตรฐานต่างๆ หารือกับกระทรวงอุตสาหกรรม การลงทุนสถานีชาร์จไฟฟ้า หัวชาร์จไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า”

สำหรับความคืบหน้าการนำบริษัท ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือโออาร์ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) นั้น เบื้องต้นโออาร์ได้ส่งแผนเข้ามาให้กระทรวงพลังงานพิจารณาแล้ว พร้อมได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมไปบ้างแล้ว ขณะนี้โออาร์อยู่ระหว่างดำเนินการตอบโจทย์เรื่องการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน การสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก และความเข้มแข็งที่จะเป็นผู้นำในต่างประเทศ ขณะนี้ยังมีเวลาดำเนินการก่อนจะนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

นายสนธิรัตน์ กล่าวเพิ่มเติมถึงความคืบหน้านโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนจากพืชเกษตร ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ว่าวันที่ 9 ต.ค.นี้ จะจัดสัมมนารับฟังความเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มของโรงไฟฟ้าชุมชน ทั้งภาคประชาชน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ภาคเอกชนทั้งผู้เคยลงทุนโรงไฟฟ้าแล้วขาดทุน และเอกชนที่มีความพร้อมในการลงทุนเร่งระดมสมองขับเคลื่อนนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชนให้เกิดเป็นรูปธรรมภายในเดือนต.ค.นี้

รายงานข่าวแจ้งว่าในการรับฟังความเห็นวันที่ 9 ต.ค.นี้จะพิจารณาพื้นที่นำร่องโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน 6 แห่ง อาทิ ขอนแก่น เชียงใหม่ สตูล ประจวบคีรีขันธ์ โดยยึดหลักให้กฟผ. มีส่วนในผลิตไฟฟ้าก่อน เพื่อความมั่นคงด้านพลังงานและความเหมาะสม

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่าส่วนการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานนัดแรกในวันที่ 10 ต.ค.นี้ มีวาระพิจารณากรอบวงเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน วงเงิน 12,000 ล้านบาทต่อปีประจำปีงบประมาณ 2563 แบ่งเป็นงบด้านอนุรักษ์พลังงาน 60% ด้านพลังงานทดแทน 30% และค่าใช้จ่ายอื่นๆ 10% ซึ่งขึ้นอยู่กับที่ประชุมจะพิจารณาเห็นชอบหรือปรับเปลี่ยนอย่างไรหรือไม่ ซึ่งเทียบกับแผนจัดสรรวงเงินที่ผ่านมาอาจเพิ่มวงเงินพลังงานทดแทนมากขึ้น จะนำไปสู่การปรับวงเงินสนับสนุน 60,000 ล้านบาท 5 ปีหรือไม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน