นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 เม.ย. ตนลงนามในคำสั่งให้มีการบอกเลิกสัญญาบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลในการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน ซึ่งจะมีผลทันที เนื่องจากตามสัญญากำหนดว่าบริษัทจะต้องส่งมอบรถครบทั้ง 489 คันภายในวันที่ 29 ธ.ค.2559 แต่จนถึงขณะนี้ก็ไม่สามารถที่จะส่งมอบรถได้ครบ เพราะรถเมล์อีก 99 คัน ยังอยู่ในอารักขาของกรมศุลกากร และเงินค่าปรับตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค.2559 – 12 เม.ย.2560 คิดเป็นเงิน 844 ล้านบาท หรือประมาณวันละ 8 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าวงเงินประกันที่วางไว้ 330 ล้านบาท เพื่อให้เกิดความชัดเจนและสามารถดำเนินการจัดหารถเมล์ล๊อตใหม่ต่อไป

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากเข้ามาทำหน้าที่รักษาการผอ.ขสมก. ตั้งแต่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา และได้แจ้งว่าภายใน 15 วัน จะมีความชัดเจนเรื่องการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี โดยคณะกรรมการตรวจรับรถของ ขสมก. รายงานว่า คู่สัญญาได้กระทำการผิดสัญญา เพราะไม่สามารถส่งมอบรถได้ครบตามสัญญา และมีการกระทำผิดสัญญาข้อที่ 2.1 ที่กำหนดว่าต้องส่งมอบรถครับทั้งหมดภายในวันที่ 29 ธ.ค.2559 และจนถึงขณะนี้ก็มีแนวโน้มว่าทางบริษัทยังไม่สามารถส่งมอบรถได้ครบทั้งหมด รวมทั้งยังผิดสัญญา ข้อ 6 ข้อ 7 และข้อ 8 ในขณะที่ฝ่ายกฎหมายของ ขสมก. ยืนยันว่า ผอ.ขสมก. มีอำนาจในการบอกเลิกสัญญา คนจึงได้ลงนามแจ้งบอกเลิกสัญญาเพื่อมิให้ยืดเยื้อต่อไปอีกและจะมีการรายงานบอร์ด ขสมก.ในการประชุมวันที่ 26 เม.ย.นี้ เพื่อทราบต่อไป

“ก่อนหน้านี้ ขสมก.ได้ทำหนังสือแจ้งบริษัทเบสท์รินเรื่องเงินค่าปรับเมื่อวันที่ 4 ก.พ.2560 ว่าเงินค่าปรับอยู่ที่ 455.505 ล้านบาท และเมื่อวันที่ 4 เม.ย.ที่ผ่านมา แจ้งว่าเงินค่าปรับอยู่ที่ 780 ล้านบาท และครั้งนี้เป็นการแจ้งบอกเลิกสัญญา เพื่อให้เกิดการยืดเยื้ออีกต่อไป เพราะจนถึงขณะนี้ทางบริษัทก็ยังไม่มีแนวโน้มที่จะส่งมอบรถได้ครบทั้ง 489 คัน”นายสมศักดิ์กล่าว

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการทำหนังสือแจ้งขึ้นบัญชีดำบริษัทเบสท์รินด้วย ซึ่งจะส่งผลให้ถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมประมูลจัดหารถเมล์ล็อตใหม่ รวมถึงที่เสนอจะเข้าร่วมโครงการจัดหารถโดยสาขนาดเล็กหรือรถไมโครบัสที่จะนำมาวิ่งให้บริการแทนรถตู้โดยสารสาธารณะด้วย

นายสมศักดิ์ ระบุว่า การบอกเลิกสัญญาครั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนที่ ขสมก. จะได้เดินหน้าในการจัดหารถเมล์ล็อตใหม่ โดยมอบหมายให้ฝ่ายบริหาร ขสมก.ไปพิจารณารายละเอียดและแนวทางและเตรียมยกร่างทีโออาร์เพื่อเปิดประมูลจัดหารถเมล์รอบใหม่ โดยให้พิจารณารถเมล์ไฟฟ้าและรถเมล์ไฮบริดเป็นแนวทางเลือกในขณะนี้ ส่วนรถเมล์เอ็นจีวีนั้นพบว่ายังมีปัญหาและข้อจำกัดเรื่องสถานีเติมเชื้อเพลิงประกอบกับทิศทางและแนวโน้มในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเสนอให้นำรถเอ็นจีวีมาแทนที่รถดีเซล

อย่างไรก็ตาม นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ขสมก.ได้เสนอแผนการจัดหารถเมล์ไฟฟ้าจำนวน 200 คัน แต่ได้ถอนเรื่องออกมาแล้วจะนำมาพิจารณาร่วมกับแผนการจัดหารถเมล์ 489 คันเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อเสนอขออนุมัติ ครม.ในคราวเดียวกันว่าจะเปลี่ยนเป็นการจัดหารถเมล์ไฮบริดหรือรถเมล์ไฟฟ้า จำนวนกี่คัน เพื่อเสนอ ครม.คาดว่าภายใน พ.ค.นี้ และหลังจากนั้นจะมีการเปิดประมูลได้ต่อไป โดยตั้งเป้าว่ารถเมล์ใหม่คันแรกจะต้องส่งมอบได้ก่อนสิ้นปี 2560

นายสมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ ขสมก.ได้ว่าจ้างทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษาความเหมาะสมและความเป็นไปได้แผนการจัดหารถเมล์ไฮบริด ซึ่งจะเสนอผลการศึกษาและจัดทำร่างทีโออาร์ภายในเดือน มิ.ย.นี้ คาดว่าน่าจะเป็นช่วงจังหวะเดียวกับที่แผนการจัดหารถเมล์ล็อตใหม่จะผ่านความเห็นชอบจากครม. เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการเปิดประมูลต่อไป

นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า หลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นช่วงที่เปิดทำงานแล้วจะให้ฝ่ายกฏหมายดูในรายละเอียดที่ขสมก.บอกเลิกสัญญากับบริษัทฯ ว่ามีความผิดตรงไหน เพราะบริษัทฯดำเนินการตามสัญญาทุกอย่าง และสงสัยว่าในเมื่อศาลปกครองสุงสุดสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้รับมอบรถเมล์เอ็นจีวีของบริษัทแล้ว ขสมก.บอกยกเลิกสัญญาบริษัทได้อย่างไร โดยเรื่องทุกอย่างต้องทำตามกฎหมายเพื่อตรวจสอบว่าใครผิดใครถูก และบริษัทพก็พร้อมที่จะฟ้องร้องทางคดีแพ่งและคดีอาญาควบคู่กันไป

“กรณีที่นายสมศักดิ์ระบุว่า บริษัท ผิดสัญญา ถือว่าเขาไม่ผิดที่จะพูดแต่ต้องดูคำสั่งของศาลปกครองเป็นหลัก ซึ่งการมากล่าวอ้างว่าเป็นเพียงเรื่องการตรวจรับนั้นจะเกิดประโยชน์อย่างไร และถ้าหากขสมก.ไม่เคารพสิทธิ์ในฐานะคู่สัญญาก็ไม่เป็นไร แต่ทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฏหมาย ส่วนเรื่องวงเงินค่าปรับนั้นไม่ได้มีปัญหา สำหรับกรณีที่จะขึ้นบัญชีรายชื่อบริษัทไม่ให้ประมูลงานอื่นนั้น คงไม่สามารถทำได้ เพราะทุกอย่างมีกฎหมาย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน