กทย. ระบุแนวโน้มราคายางปรับตัวสูงขึ้นถึงปีหน้า หลังเกิดโรคระบาดรุกลาม คาดหายจากตลาดกว่า 1 ล้านตัน ทำสต๊อกโลกลด ขณะความต้องการมากขึ้น ทั่วโลกหันสั่งซื้อจากไทย

ราคายางสูงขึ้นถึงปีหน้า – นายสุนันท์ นวลพรหมสกุล รักษาการผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันผลผลิตยางในตลาดโลกอยู่ที่ 12.9 ล้านตัน ซึ่งต่ำกว่าความต้องการใช้ที่ 13.1 ล้านตัน เนื่องจากเกิดโรคระบาดขึ้นทั้งมาเลเซีย อินโดนีเซีย และทางภาคใต้ไทย ทำให้เกษตรกรไม่สามารถกรีดยางได้ ในขณะที่ตั้งแต่ ปี 2560 เป็นต้นมารัฐบาลไทยส่งเสริมให้ลดพื้นที่การปลูกยางอย่างจริงจัง เกษตรกรบางส่วนเข้าร่วมโคร่งการโค่นยางเก่า ปีละ 4 แสนไร่ และหันไปปลูกพืชนิดอื่นแทน ส่งผลให้ปริมาณน้ำยางที่ออกสู่ตลาดลดลง

โดยรวมแล้วสถานการณ์ที่เกิดขึ้นคาดว่าจะทำให้ยางพาราในปีนี้หายจากตลาดประมาณ 1 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นยางของไทยที่หายจากตลาดจำนวน 6-7 แสนตัน ปริมาณน้ำยางที่ลดลงดังกล่าว ส่งผลให้จีนซึ่งเป็นผู้ซื้อยางรายใหญ่ ต้องนำยางในสต๊อกมาใช้มากขึ้น และส่งผลให้ราคายางในตลาดโลกปรับเพิ่มและดึงราคาในประเทศไทยสูงตาม

นอกจากนี้ กยท. โดยหน่วยธุรกิจการตลาด มีอำนาจซื้อ-ขายยางได้เอง ทำให้สามารถส่งออกยางไปตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น โดยเบื้องต้นได้ลงนามบันทึกข้อตกลง ไว้กับ จีน อินเดีย และตรุกี รวมทั้งมีเป้าหมายจะเจาตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา ผ่านช่องทางการทูตพาณิชย์ทั่วโลก คาดว่าจะผลักดันให้กยท. ส่งออกยางได้อีกมาก

“แนวโน้มราคายางจะปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงปีหน้า หากสถานการณ์โรคระบาดยังมีอยู่ โดยสต๊อกยางโลกลดลงจากที่มีอยู่ 13 ล้านตัน ปัจจุบันผู้นำเข้าต่างๆ หันมาสั่งออร์เดอร์จากไทย เนื่องจากทั้งอินโดนีเซีย และมาเลเซีย ไม่มีน้ำยางออกจำหน่าย เพราะต้องปิดกรีดเร็วขึ้น ส่วนไทยยังมีพื้นที่กรีดได้โดยมีน้ำยางออกสู่ตลาดประมาณ 4-5 แสนตันต่อเดือน”

ทั้งนี้ ปริมาณน้ำยางของไทยที่ออกสู่ตลาดยังจะมีต่อเนื่อง แม้ว่าจะเข้าสู่ผลัดใบในเดือนมี.ค. นี้ ส่วนหนึ่งเพราะแต่ละพื้นที่จะผลัดใบไม่ตรงกัน โดยในปี 2562 คาดว่าจะน้ำยางทั้งสิ้น 5 ล้านตัน จากพื้นที่ 25 ล้านไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่กรีด จำนวน 19-20 ล้านไร่

“กยท. กังวลเรื่องโรคระบาดที่เกิดจากเชื้อราชนิดหนึ่งทำให้ใบยางร่วง การกรีดยางในช่วงนี้จะส่งผลต่อต้นยาง ดังนั้นเมื่อมีปัญหาแล้วเกษตรกรจะหยุดกรีด ซึ่งเชื้อรานี้ปัจจุบันได้ลามไปถึงพืชอื่นๆ แล้ว แม้แต่ใบหญ้าในสวนยางยังร่วง ดังนั้นจึงจัดเจ้าหน้าที่ติดตาม เฝ้าระวัง และแนะนำเกษตรกร ดูแลเอาใจใส่ต้นยางให้ดีที่สุด”

สำหรับราคากลางเปิดตลาด เมื่อวันที่ 26 พ.ย. น้ำยางสดกิโลกรัมละ ราคา 38.30 บาท ยางก้อนถ้วย 32.65 บาท ยางแผ่นดิบคุณภาพดีความชื้นไม่เกิน 3% ราคา 39.86 บาท และยางแผ่นรมควันชั้น 3 ไม่อัดก้อน 41.59 บาท ราคายางทุกชนิดเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันที่ 25 ต.ค. ที่น้ำยางสด 37.20 บาท ยางแผ่นดิบ 37.57 บาท และยางแผ่นรมควัน 39.70 บาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน