กระทรวงเกษตรฯ เร่งแก้ปัญหากุ้งขาวแวนนาไมราคาตก ภาครัฐลุยอัดแคมเปญ ช่วยเกษตรกรพยุงราคา ชี้ราคาร่วง 6% ส่งออกสู้คู่แข่งไม่ได้เพราะราคาแพง

เร่งแก้ปัญหากุ้งราคาตก – นายระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาซื้อขายกุ้งขาวแวนนาไม ที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ช่วงเดือนม.ค. – ก.ย. 2562 พบว่า กุ้งขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม ราคาที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 139 บาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 6% เนื่องจากไทยส่งออกกุ้งลดลง โดยมีปริมาณส่งออก 126,658 ตัน (ลดลง 5%) คิดเป็นมูลค่า 37,531 ล้านบาท (ลดลง 10%) เนื่องจากราคากุ้งไทยมีราคาที่สูงกว่าคู่แข่ง จึงส่งผลการส่งออกกุ้งไทยไปตลาดโลกลดลง ประกอบกับการแข็งค่าของเงินบาท ความสามารถในการแข่งขันของไทยจึงลดลงไปด้วย นอกจากนี้ ทางผู้ประกอบการห้องเย็นและโรงงานแปรรูปขาดสภาพคล่อง รวมทั้งเลิกกิจการไปบางส่วน ดังนั้น ความต้องการกุ้งเพื่อส่งออกจึงน้อยลง และกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งได้รับความเดือดร้อนจากราคากุ้งที่ตกต่ำตั้งแต่ช่วงต้นปี 2562 เป็นต้นมา

กระทรวงเกษตรฯ โดย สศก. และ กรมประมง ได้ประชุมหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งขาวแวนนาไมร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย และเครือข่ายผู้เลี้ยงกุ้งไทย เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยที่ประชุมได้เห็นชอบแนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหา โดยการนำผลผลิตส่วนเกินกุ้งออกจากตลาด จำนวน 40,000 ตัน และกำหนดราคาเป้าหมายที่เกษตรกรขายได้ให้กุ้งขนาด 70 ตัวต่อกิโลกรัม อยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท

ด้านนางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการ สศก. กล่าวเสริมว่า สำหรับมาตรการช่วยแก้ไขปัญหาราคากุ้ง กรมการค้าภายใน ได้เตรียมดำเนินการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่รับซื้อกุ้งเพิ่ม จำนวน 30,000 ตัน วงเงินกู้ 5,000 ล้านบาท โดยชดเชยดอกเบี้ยในอัตรา 3% ระยะเวลา 6 เดือน วงเงิน 75 ล้านบาท และการเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่รับซื้อกุ้งเพื่อเก็บในสต๊อก ระยะเวลา 3 เดือน จำนวน 10,000 ตัน วงเงินกู้ 1,500 ล้านบาท โดยชดเชยดอกเบี้ยในอัตรา 3% ระยะเวลา 6 เดือน วงเงิน 22.50 ล้านบาท และชดเชยค่าเก็บกิโลกรัมละ 1 บาท เป็นเงิน 10 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 32.50 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งจัดทำโครงการและมาตรการดังกล่าว

นอกจากนี้ เตรียมขยายการส่งออกไปตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และไต้หวัน ให้มากขึ้น โดยให้กรมการค้าต่างประเทศจัดทีมเจรจาระหว่างผู้ประกอบการส่งออกไทยกับผู้ประกอบการนำเข้ารายใหม่ๆ พร้อมกับส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ โดยให้กรมการค้าภายในจัดกิจกรรมส่งเสริมการบริโภค เช่น นำกุ้งจากฟาร์มเกษตรกรจำหน่ายให้กับผู้บริโภคโดยตรงผ่านช่องทางที่หลากหลาย เช่น การขายออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายปีที่เป็นช่วงเทศกาลที่ผู้บริโภคภายในประเทศจะซื้อกุ้งในราคาถูกลงกว่าท้องตลาดทั่วไป ซึ่งเชื่อมั่นว่า มาตรการดังกล่าว จะสามารถช่วยยกระดับราคากุ้ง ให้สูงขึ้นได้อย่างแน่นอน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน