น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบาย และยุทธศาสตร์การค้า กล่าวว่า การส่งออกของไทย เดือนมี.ค. 2560 มีมูลค่า 20,888 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวถึง 9.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้ในไตรมาส 1 การส่งออกขยายตัวถึง 4.9% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวสูงสุดในรอบ 4 ปี เนื่องจากการส่งออกไปยัง จีนเพิ่มขึ้นถึง 47.6% และอินเดียเพิ่มขึ้น 14.9% เป็นการขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ขณะที่สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมันก็ขยายตัวตามราคาน้ำมัน เช่น ผลิตภัณฑ์ยางขยายตัว 64.7% และยางพาราขยายตัว 95.4% ส่วนสินค้าเกษตรเองก็ส่งออกได้มากขึ้น ยกเว้น ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ที่การส่งออกยังชะลอตัวลง รวมทั้งเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน และการค้าโลกที่ขยายตัวต่อเนื่อง น่าจะทำให้ทิศทางการส่งออกโดยรวมดีขึ้น

ขณะที่การนำเข้า เดือนมี.ค. มีมูลค่า 19,271 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัวถึง 19.3% ซึ่งเป็นการนำเข้าสินค้าทุน และวัตถุดิบ แสดงถึงความมั่นใจ และการลงทุนที่จะมีมากขึ้น ทำให้ดุลการค้าในเดือนมี.ค. เกินดุล 1,617 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวอีกว่า ในปีนี้การส่งออกโดยรวมน่าจะขยายตัวได้ถึง 5% ตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ พร้อมกับติดตามความเสี่ยงของสถานการณ์โลก ทั้งมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ รวมถึงความตึงเครียดระหว่างเกาหลีเหนือ และสหรัฐฯ และนโยบายลดการขาดดุลของประธานาธิบดีสหรัฐ

ขณะนี้กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างหารือกับภาครัฐและเอกชน โดยจะนัดประชุมอย่างเป็นทางการในวันพุธที่ 26 เม.ย.นี้ โดยมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน เบื้องต้นเอกชนค่อนข้างกังวลกับปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้ภาวะการค้ามีความไม่แน่นอนสูง อย่างไรก็ตาม วิธีลดความเสี่ยงคือต้องหาทางกระจายการส่งออกไปยังตลาดอื่นเพิ่มขึ้น เพื่อลดผลกระทบหากการส่งออกไปยังสหรัฐมีมูลค่าลดลงซึ่งก็ทำได้ตามนโยบายที่วางไว้

โดยตลาดส่งออกสำคัญในเดือนมี.ค.ก็ขยายตัว เช่น ตลาดเอเชียใต้ ขยายตัว 19.1% ตลาด CLMV ขยายตัว 18.1% ตลาดญี่ปุ่น ขยายตัว 14.9% ตลาดสหภาพยุโรป 10.2% ตลาดสหรัฐฯ ขยายตัว 7.1% ตลาดลาตินอเมริกา ขยายตัว 0.8% ทั้งนี้การขยายตัวของการส่งออกของไทยขณะนี้ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมัน ประกอบกับมีแรงผลักดันมาจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัว ซึ่งสอดคล้องกับที่องค์การการค้าโลก (WTO) ประเมินไว้ว่าภาวะการค้าโลกในเดือนก.พ.ปีนี้เติบโตถึง 6.4%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน