จัด “พาณิชย์ ลดปัง ข้ามปี New Year Grand Sale” ระหว่าง 14 ธ.ค. 62-12 ม.ค. 63 คาดว่าจะสามารถช่วยลดภาระค่าของชีพประชาชนได้ถึง 30% คิดเป็นเงินที่ช่วยลดค่าของชีพได้ 21,600 ล้าน
ให้ของขวัญปีใหม่ประชาชน – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการจัดงานลดราคาสินค้า “พาณิชย์ ลดปัง ข้ามปี New Year Grand Sale” ว่า กระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าภายใน ประสานงานกับภาคเอกชน จัดงานดังกล่าวเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับคนไทยทั่วทั้งประเทศ มีหน่วยงานเอกชน ประกอบด้วยสมาคมผู้ค้าปลีกไทย สมาคมค้าส่งประเทศไทย ผู้ผลิต ผู้จำหน่ายสินค้าห้างค้าปลีก ค้าส่ง สมัยใหม่ ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านสะดวก ซื้อห้างสรรพสินค้าท้องถิ่น และรวมทั้งปีนี้เข้าร่วมเป็นกรณีพิเศษ คือผู้ประกอบการรถยนต์ และผู้ประกอบการเกี่ยวกับ ดูแลรถยนต์ที่พร้อมใจกัน ร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ในการลดราคาสินค้าอุปโภคบริโภค เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่สำหรับประชาชนคนไทยทั้งประเทศ โดยงานจัดขึ้นระหว่าง 14 ธ.ค. 2562-12 ม.ค. 2563
“ผมเน้นย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า สำหรับ พาณิชย์ ลดปัง ข้ามปี New Year Grand Sale 2020 ของกระทรวงพาณิชย์ เที่ยวนี้นั้นจะเป็นการลดราคาสินค้ามากถึง 70% และมี Outlet หรือว่าร้านค้ารวมกันทั่วทั้งประเทศตกประมาณ 20,000 แห่ง ภายใต้ความร่วมมือของผู้ประกอบการทั้งหมด 54 ราย เป็น 2 สมาคม และ 52 บริษัท สินค้าทั้งหมดที่มาลดราคามีด้วยกันทั้งหมด 10 หมวดประกอบด้วยอาหารเครื่องดื่ม ของใช้ประจำวัน เครื่องใช้ไฟฟ้า อุปกรณ์เพื่อการเกษตร เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย อุปกรณ์ก่อสร้าง อุปกรณ์กีฬา และยางรถยนต์ สำหรับยางรถยนต์นั้นลด 20-30% รวมทั้งค่าบริการตรวจเช็กเครื่องยนต์ด้วย นอกจากนั้น ยังมีเครื่องนอนเครื่องสำอางเครื่องเขียนเฟอร์นิเจอร์ของตกแต่งบ้าน อื่นๆ ลด 10% ถึง 70%”นายจุรินทร์ กล่าว
นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการนี้ทำทั่วทั้งประเทศและเรื่องการ Kick Off วันนี้ถือเป็นการ Kick Off ใหญ่เพราะการลดจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปและสิ้นสุดวันที่ 12 ม.ค. 2563 สำหรับในภาคอีสานจะ Kick Off อีกครั้งหนึ่ง ที่ จ.อุบลราชธานีวันที่ 16 ธ.ค. และภาคเหนือจะไปที่เชียงใหม่กับที่ จ.ตาก สำหรับภาคใต้จะเป็นที่ จ.นครศรีธรรมราช และดำเนินการให้ครบทุกภาค
ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีส่วนช่วยในการสนองนโยบายของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยกระบวนการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน แต่เป็นการจับจ่ายใช้สอยที่พิเศษตรงที่เงินเท่าเดิมสามารถซื้อสินค้าได้มากขึ้น หรือสินค้าที่ใช้จ่ายนั้นประหยัดเงินกระเป๋าได้มากขึ้นเพื่อจะนำเงินมาใช้จ่ายด้านอื่นด้วย และคาดว่าจะสามารถช่วยลดภาระค่าของชีพประชาชนได้ถึง 30% คิดเป็นเงินที่ช่วยลดค่าของชีพได้ 21,600 ล้านบาท
