กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ยอมรับส่งออกปี’63 หืดขึ้นคอ ปัจจัยลบรุม พร้อมลุยโรดโชว์ “เซลส์แมนประเทศ” อ้อนขายของ

พาณิชย์ยอมรับส่งออกหืดขึ้นคอ – นายสมเด็จ สุสมบูรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงแผนผลักดันการส่งออกสินค้าและบริการไทยในปี 2563 ว่า ในปีหน้ายอมรับว่าการผลักดันเป้าส่งออกค่อนข้างลำบาก เพราะยังต้องเผชิญกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว เงินบาทแข็งค่า สงครามการค้า ที่อาจทำให้สินค้าจีนทะลักเข้ามาในไทย แต่กรมจะทำให้ดีที่สุดเพื่อเพิ่มการส่งออกสินค้าของไทยให้ตัวเลขเป็นบวก โดยเฉพาะจากภาคบริการที่ยังขยายตัวได้ดี และจากการที่รมว.พาณิชย์ เดินสายเพื่อเจรจาเปิดเสรีทางการค้ากับนานาประเทศ และการเป็นส่วนหนึ่งของอาร์เซป รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ ก็จะมีมากขึ้นจากปีที่แล้วและมองว่าในปีหน้าปัญหาอุปสรรคการค้าไม่ได้มาในรูปแบบของภาษี แต่จะมาในรูปของมาตรการอื่นๆ ที่ต้องหาทางออกด้วยการเจรจาการค้าร่วมกัน ขณะเดียวกัน จะพยายามพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในการส่งออกสินค้าไทย เช่น เหตุการณ์ประท้วงในต่างประเทศก็อาจทำให้ประชาชนในประเทศนั้นๆ กักตุนอาหารมากขึ้น ก็เป็นโอกาสในการส่งออกของไทย โดยมองว่าสินค้าที่ยังเป็นดาวเด่นในปีหน้าคือ สินค้าอาหาร เกษตร ผลิตภัณฑ์ยาง

นายสมเด็จ กล่าวอีกว่า กรม จะเดินหน้าผลักดันการส่งออก โดยมี 4 กลยุทธ์หลัก เพื่อเร่งรัดการส่งออกเชิงรุก คือ 1. การพัฒนาช่องทางตลาด โดยจะจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปขยายตลาด ได้แก่ ตลาดเดิม (จีน ญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ สหภาพยุโรป) ตลาดใหม่ (อินเดีย ตุรกี ศรีลังกา บังคลาเทศ แอฟริกาใต้) ตลาดฟื้นฟู (ตะวันออกกลาง) โดยจะเจาะตลาดลงลึกรายมณฑล รายรัฐในตลาดที่มีขนาดใหญ่ ซึ่งจะนำทีมโดยรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะ “เซลส์แมนประเทศ” และมีผู้ประกอบการในสาขาต่างๆ เข้าร่วม

ส่วนช่องทางการขยายตลาดอื่นๆ จะเน้นจัดกิจกรรมร่วมกับผู้นำเข้าและนักธุรกิจในต่างประเทศเพื่อสร้างความต้องการสินค้าและบริการที่มีศักยภาพของไทย (Overseas Demand Creation) ขยายความร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าชั้นนำของไทย เพิ่มช่องทางการจำหน่ายให้กับสินค้าที่ผ่านการบ่มเพาะจากกรม ขยายร้าน TOPTHAI Flagship Store เพิ่มเติม เพื่อขยายตลาดสินค้าไทยในจีน และจะขยายบนแพลตฟอร์มในตลาดอื่นๆ เช่น Bigbasket (อินเดีย) Amazon.com (สหรัฐ) Amazon.jp (ญี่ปุ่น) และ Presto Mall (มาเลเซีย) เป็นต้น จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์ (Online In-Store Promotion) รวมทั้งยกระดับงานแสดงสินค้านานาชาติในประเทศสู่การเป็นงานแสดงสินค้าที่ยิ่งใหญ่และน่าสนใจยิ่งขึ้น อาทิ STYLE/ BGJF/ THAIFEX-ANUGA ASIA เป็นต้น

2. สำหรับการพัฒนาผู้ประกอบการ จะผลักดันกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ ให้เป็นผู้ส่งออก เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่ม Start up กลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่ม Niche และยังมีแผนร่วมมือกับสถาบันการศึกษา (Co-course) จัดทำหลักสูตรการศึกษาวิชาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ การส่งออก การเจรจาธุรกิจ เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับนักศึกษาที่จะก้าวมาเป็นผู้ส่งออกรุ่นใหม่ รวมถึงพัฒนาหลักสูตรสร้างผู้ช่วยขายออนไลน์ ร่วมกับสถาบันปัญญาภิวัฒน์ สร้างนักค้าออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการ

3. ในด้านการพัฒนาคุณภาพสินค้าและธุรกิจบริการ จะเน้นการสร้างแบรนด์ประเทศไทยผ่านตราสัญลักษณ์รับรองคุณภาพต่างๆ ได้แก่ TMark / DEMark / PM-Award / Thai Select / ELMA อย่างต่อเนื่อง บ่มเพาะแบรนด์ไทย รุกตลาด Luxury-Premium ในตลาดเป้าหมาย อาทิ จีน อินเดีย อาเซียน โดยจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ และพัฒนาช่องทางการขายในรูปแบบออนไลน์ ส่งเสริมธุรกิจบริการศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เช่น ดิจิทัลคอนเทนต์ จะเชิญ Animator/Cartoon Creator ชาวไทยในบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับโลก มาสร้างแรงบันดาลใจให้กับกลุ่มผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ ธุรกิจบริการสุขภาพ จะร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ส่งเสริมธุรกิจบริการสุขภาพ รองรับกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่ง สธ. อยู่ระหว่างเสนอให้มีการตรวจลงตราประเภท Medical Visa ชนิดใช้ได้ไม่จำกัดครั้ง คราวละไม่เกิน 1 ปี ธุรกิจ Start up จะบ่มเพาะผู้ประกอบการ และขยายสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมาย เช่น อินโดนีเซียและเกาหลีใต้ ธุรกิจโลจิสติกส์ จะร่วมมือกับบริษัทโลจิสติกส์ในต่างประเทศ เพื่อเชื่อมโยงเส้นทางโลจิสติกส์และธุรกิจสนับสนุนและบริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (Institutional Services and Related) จะจัดคณะเดินทางและเข้าร่วมงานแสดงในต่างประเทศ สร้างโอกาสและต่อยอดธุรกิจของไทยสู่ตลาดโลก

4. ด้านการพัฒนาภายในองค์กร ระบบให้บริการ จะพัฒนาฐานข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ต่อยอด DITP Business AI ให้มีประสิทธิภาพ เน้นให้สามารถใช้งานง่าย ขยายขอบเขตและความหลากหลายของฐานข้อมูล ทันต่อสถานการณ์ที่เป็นปัจจุบันมากขึ้น ส่งผลให้การตัดสินใจของผู้ส่งออกมีความแม่นยำและชัดเจนยิ่งขึ้น จากข้อมูลที่ถูกต้องและทันสมัย

ส่วนการกำหนดเป้าหมายการส่งออกของไทยในปี 2563 กรมฯ จะจัดประชุมทูตพาณิชย์ เพื่อรับนโยบายการปฏิบัติงาน ในช่วงงาน Bangkok Gems & Jewelry เดือนก.พ. 2563 โดยจะมีการประชุมร่วมกับภาคเอกชนในสาขาต่างๆ เพื่อประเมินการส่งออกร่วมกัน รวมทั้งประเมินทิศทางการส่งออกในแต่ละตลาด ก่อนที่จะนำผลสรุปมาจัดทำเป้าหมายการส่งออกของประเทศต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน