ส.อ.ท. ผวา! งบล่าช้า ชี้ขณะนี้ไม่มีอะไรขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เลย แนะรัฐออกพรก.ใช้งบปี’63 พร้อมเสนอดึงเอกชนแจมกรรมการจัดซื้อจัดจ้าง ทะลวงลงทุน

ส.อ.ท. ผวา! งบล่าช้า – นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยในโอกาสพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดสำนักงานใหม่ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) อย่างเป็นทางการ ว่าจากนี้ไป ส.อ.ท. มีแผนดำเนินงานภายใต้แนวคิด “สมาร์ท ออฟฟิศ & สมาร์ท เซอร์วิส” ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการบริการ โดยมีบทบาทที่ชัดเจนและทำงานร่วมกันกับภาคอุตสาหกรรมให้มากขึ้น

อีกทั้งนายกฯ ยังสั่งการว่าต้องการให้ภาคเอกชนไทยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้และช่วยเหลือกันเองได้โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายเล็ก รวมถึงสามารถทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐให้มากขึ้น

ทั้งนี้ ภาคเอกชนยอมรับว่าขณะนี้มีความกังวลเรื่องความล่าช้าในการพิจารณาเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 อย่างมาก เนื่องจากเข้าสู่เดือนที่ 4 ของปีงบประมาณ 2563 แล้ว แต่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ หากปล่อยให้เรื่องนี้ยืดเยื้อออกไปและไม่สามารถเบิกจ่ายงบได้ภายในเดือนมี.ค.นี้ รัฐบาลอาจต้องหาวิธีอื่นในการเบิกจ่ายเพื่อผลักดันการลงทุนและขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เช่น พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เพื่อใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ก่อน

“การจัดสรรงบประมาณปี 2563 ล่าช้าไปกว่า 3-4 เดือนแล้ว และมีแนวโน้มที่จะล่าช้าต่อไปอีก ซึ่งภาคเอกชนมีความกังวลอย่างมาก เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยแทบจะไม่มีอะไรขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้เลย ขณะที่เม็ดเงินลงทุน 3 ล้านล้านบาทที่ล่าช้าจะทำให้เม็ดเงินหมุนเวียนหายไปอีกหลายแสนล้านบาท และต่อเนื่องเป็นอีกหลายล้านล้านบาท จนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ”

ขณะเดียวกัน ทางส.อ.ท. ขอเสนอให้รัฐบาลมีการแต่งตั้งตัวแทนจากภาคเอกชนเข้าไปอยู่ในคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง เพื่อร่วมกันพิจารณาปรับปรุงกฎระเบียบ/หลักเกณฑ์/เงื่อนไขและกติกาที่เป็นอุปสรรคให้การพิจารณาเร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณต่างๆ สามารถดำเนินการได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น โดยเน้นเรื่องความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชั่น เพราะภาคเอกชนมีความเข้าใจถึงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความแตกต่างกันระหว่างโครงการขนาดใหญ่ กลาง เล็กอย่างดี และรู้ดีว่ารูปแบบการดำเนินงานอย่างไรที่ไม่ทำให้ติดขัด สามารถดำเนินการได้รวดเร็ว

นายสุพันธุ์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดหลายประเทศรวมถึงไทยยังประสบปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวทั้งจำนวนและรายได้จากการท่องเที่ยวอาจลดลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวและประชาชนระวังตัวมากขึ้น ลดกิจกรรมท่องเที่ยว ไม่เกิดการจับจ่ายใช้สอยจากก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้

“แม้ไทยไม่ได้เป็นต้นเหตุของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ซึ่งภาคเอกชนมั่นใจว่ามาตรการของภาครัฐที่คอยควบคุมดูแลและเฝ้าระวังเป็นเรื่องที่ดีที่สุด คาดว่าภายในเดือนมี.ค.นี้ ภาครัฐจะสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้ ขณะเดียวกันประชาชนเองจะต้องมีการป้องกันและระวังตัวด้วย ขณะที่ภาครัฐยังต้องมีมาตรการดูแลเพิ่มเติมเรื่องการรับมือและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างชัดเจน รวดเร็ว และทันเหตุการณ์มากขึ้นหากเกิดการแพร่ระบาดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ ของไทย”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน